เปิดศึก “ของแพง” รับสภาฯปีขาล “ปชป.” ส่อรอด “ประยุทธ์” อาจร่วง

เปิดศึก “ของแพง” รับสภาฯปีขาล “ปชป.” ส่อรอด “ประยุทธ์” อาจร่วง

พรรคเพื่อไทย เตรียมใช้เวทีสภาฯ ตรวจสอบรัฐบาล โดยมีวาระร้อนคือ "ของแพงทั้งแผ่นดิน" สวนทางค่าครองชีพ แม้2กระทรวงใหญ่ ที่ค่ายประชาธิปัตย์ จะยืนหนึ่งที่ควรถูกซักฟอก แต่ต้องจับตา การตีชิ่ง "หัวหน้ารัฐบาล" ที่ต้องลุ้นว่า "พปชร." จะส่ง องครักษ์ พิทักษ์นายหรือไม่?

         กำลังจะเป็นวาระร้อน ต้อนรับ เปิดสภา ปี 2565 ที่ “พรรคเพื่อไทย” เตรียม ซัด “รัฐบาล” โดยพุ่งเป้า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม” พ่วง 2 รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ คือ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” ฐานะรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ กับ  “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ฐานะรมว.เกษตรและสหกรณ์

 

         ที่ปล่อยให้ “ของแพงทั้งแผ่นดิน” ตั้งแต่ ราคาน้ำมัน - ราคาเนื้อหมู - ไข่ไก่ - พืชผัก” สวนทางกับ “ค่าแรง” และ "คุณภาพชีวิต"

 
         3 ประเด็นที่ “เพื่อไทย” จองกฐิน “รัฐบาล และ 2รมว.ของประชาธิปัตย์” คือ

เปิดศึก “ของแพง” รับสภาฯปีขาล “ปชป.” ส่อรอด “ประยุทธ์” อาจร่วง

         1. ยื่นญัตติด่วนต่อสภาฯ เพื่อให้ “ส.ส.” เสนอมาตรการและแนวทางแก้ปัญหาให้เกษตรกรและประชาชน โดยเฉพาะประเด็น “เนื้อหมูราคาแพง” ที่ต้นตอเกิดจากการไม่มีประสิทธิภาพ คุมโรคระบาด อย่าง อหิวาห์แอฟริกาในสุกร 

         ในเวทีนี้ต้องจับตา การ “ซ้อมซักฟอก” จาก “ส.ส.ฝ่ายค้าน” เพื่อ อุ่นเครื่อง เปิดฉากโจมตี รัฐบาล ที่มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลย ต่อปัญหา ทำให้กลายเป็น ภาวะ “แพงทั้งแผ่นดิน” ซ้ำเติมพิษโควิด-19 

 

         ต่อมา 2. ยื่นอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมยื่นญัตติในช่วงสัปดาห์หน้า ต่อ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาฯ 

เปิดศึก “ของแพง” รับสภาฯปีขาล “ปชป.” ส่อรอด “ประยุทธ์” อาจร่วง

         จากเดิมที่ยังหาประเด็นหลัก เป็นหมัดน็อค รัฐบาลไม่ได้ แต่เมื่อมีภาวะแพงทั้งแผ่นดิน ทั้ง เนื้อหมู - ไข่ไก่ - น้ำมัน จึงถือว่าเป็น “โชค” ของฝ่ายค้าน ที่มีประเด็นร้อน ได้เรื่องไฮไลต์ให้อภิปราย ต่อยอดคำโฆษณาที่บอกไว้ตั้งแต่ปลายปี64 แล้วว่า

 

         “ใช้เงินไม่คุ้มค่า เอื้อพ่อค้านายทุน ปล่อยประชาชนทุกข์ร้อน”

 

         ซึ่งหมายถึง การใช้เงินกู้ 1.9ล้านล้านบาท แก้โควิด ล้มเหลว ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “คนละครึ่ง” ให้ปลาใหญ่ในระบบเศรษฐกิจได้กำไร ขณะที่เกษตรกร ชาวนา ต้องเผชิญกับราคาข้าวต่ำเตี้ย ส่วนประชาชนส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ที่มีผลมาจาก วิกฤตโควิด-19 ระบาด


         แน่นอนว่าในเรื่องนี้ต้องจับตา การนำเสนอข้อมูลของ “พรรคฝ่ายค้าน” ต่อการขอ “งบกลาง” เพื่อป้องกันโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรง  รวมถึงเป็นค่าชดใช้การทำลายสุกรที่ป่วยตายจากโรคระบาด รวม 574.2 ล้านบาท และการเตรียมของบประมาณเพื่อเป็นมาตรการช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ที่ถูกตั้งโจทย์ไว้แล้วว่า “ใช้เงินภาษีประชาชน เพื่ออุ้มทุนใหญ่”

เปิดศึก “ของแพง” รับสภาฯปีขาล “ปชป.” ส่อรอด “ประยุทธ์” อาจร่วง

         และ 3. อาศัยกลไกองค์กรอิสระตรวจสอบ ด้วยการ ยื่นเรื่องต่อ “กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” (ป.ป.ช.) หลังการอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยปล่อยให้เกิดความเสียหายกับประเทศ ซึ่งประเด็นนี้จะโยงถึง ข้าราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย

         ทว่า การล็อคเป้าถล่มรัฐบาล ที่มี 2 รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ยืนหนึ่ง คงไม่ใช่เรื่องที่ ฝ่ายค้าน จะ “กินหมู”

 

         อย่าลืมว่า ภายใต้ร่มประชาธิปัตย์ มี2กรรมาธิการคอยเป็นกองหนุน คือ “กมธ.การเกษตรและสหกรณ์​"  ที่มี “กันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาิวัฒน์” ส.ส.พังงา ประชาธิปัตย์ เป็นประธานกมธ., และ กมธ.การพาณิชย์ และทรัพย์สินทางปัญญา ที่มี “อันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ประชาธิปัตย์” เป็นแม่ทัพ

 

         เตรียมนัดหมาย ใช้ กลไก “กรรมาธิการ” เค้นหาต้นเหตุ โดยพุ่งเป้า ที่ “ข้าราชการเกียร์ว่าง” ในหน่วยงานของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการควบคุมราคาสินค้า

 

         โดยเฉพาะ “น.สพ.ศรวิศ ธานีโต” อธิบดีกรมปศุสัตว์ รวมถึง ข้าราชการในสังกัด  ที่ถูกตั้งข้อสงสัยจาก “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะเลขาฯกมธ.พาณิชย์” ว่า “มัวทำอะไรอยู่"

 

         ทั้งที่ ช่วงเดือนตุลาคม 2564 เขานำกลุ่มเกษตรกรภาคตะวันออก ที่เลี้ยงสุกร เข้าหารือเพื่อสะท้อนปัญหา โดยเฉพาะการเกิดโรคระบาด และคาดการณ์ว่า 5-6เดือน ปริมาณเนื้อหมูในตลาดจะลดลงจนเกิดปัญหา - ไม่พอกับการบริโภค

เปิดศึก “ของแพง” รับสภาฯปีขาล “ปชป.” ส่อรอด “ประยุทธ์” อาจร่วง

         แน่นอนว่า ศึกกลางสภาฯ ที่จ่อคิวรอ ประชาธิปัตย์ ที่เจนจัดงานสภาฯ ย่อมไม่ยอมยืนนิ่ง ให้น็อคคามุม 

 

         คงมีเพียง “พล.อ.ประยุทธ์” ฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร ต้องรับมือเรื่องนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง

 

         ดังนั้น ฉากที่ต้องจับตา​คือ  ขุนพลใน “พลังประชารัฐ” จะออกหน้า ช่วยรับมือ หรือ แก้ต่างให้มากน้อยแค่ไหน? ในสถานการณ์ที่ "คลื่นใต้น้ำ" ในพลังประชารัฐยังไม่สงบ.