สมรภูมิใต้ "ตาอิน" กะ "ตานา" ระวัง! "ตาอยู่" ภูมิใจไทย

สมรภูมิใต้ "ตาอิน" กะ "ตานา"   ระวัง! "ตาอยู่" ภูมิใจไทย

"ศึกชิงพื้นที่" ภายในขั้วรัฐบาล ที่ยามนี้ “พลังประชารัฐ”และ “ประชาธิปัตย์” กำลังอยู่ในสภาวะ“ตาอิน กะ ตานา” แย่งหัวปลา-หางปลา หากไม่ระวังให้ดีอาจเสร็จ “ตาอยู่” อย่างภูมิใจไทยในการคว้าพุงปลาไปกิน

“อุณหภูมิการเมือง” ยามนี้กำลังร้อนแรงจากศึกเลือกตั้งซ่อมที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะ “2 สนามภาคใต้” อย่าง ชุมพรและสงขลา ที่เวลานี้กลายเป็น “สมรภูมิเดือด”ของ "2 พรรคร่วมรัฐบาล" ที่ต่างฝ่ายต่างงัดกลยุทธ์ในการนำชัยชนะมาสู่พรรค 

ฟาก “พลังประชารัฐ” โดยเฉพาะในส่วนของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคประกาศสู้ยิบตา ทั้ง “ทนายแดง”ชวลิต อาจหาญ ผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร และ “โบ๊ต” อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา โดยมีเดิมพันที่ “แพ้ไม่ได้” 

สอดคล้องกับท่าทีของ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  เลขาธิการพรรค พปชร. ที่เตรียมแผน “ยึดปักษ์ใต้” ขยายอาณาเขตไปถึงขุมกำลังสำคัญทั้งระนอง สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง หวังปักธงไปถึงการเลือกตั้งสมัยหน้า 

 ไม่ต่างไปจากคู่แข่งอย่าง “ค่ายประชาธิปัตย์”  ที่ส่ง “ตาร์ท” อิสรพงษ์ มากอำไพ สู้ศึกเลือกตั้งซ่อมชุมพร และ “น้ำหอม”สุภาพร กำเนิดผล ลงชิงชัยในพื้นที่สงขลา 

ยิ่งไปกว่านั้น ศึกครั้งนี้ยังมีเดิมพันคือกู้ศักดิ์ศรีของค่ายประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และยังเป็นศึกพิสูจน์ฝีมือของ “นายกฯชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง แม่ทัพภาคใต้คนใหม่ไปในคราวเดียวกัน 

ไม่ต่างไปจากท่าทีของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์”  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยกทีมบิ๊กเนมลงพื้นที่ปราศรัย ปลุกด้วยวาทกรรม “อยากให้พี่น้องปลุกจิตวิญญาณพรรคประชาธิปัตย์กลับคืนมา ด้วยการลงคะแนนสนับสนุนผู้สมัครของพรรค ให้ประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะ”

ศึกที่กำลังลามเป็นรอยร้าวที่รอวันแตกภายในขั้วรัฐบาลเวลานี้ นอกเหนือจากเป็นการ “วัดกระแส” พรรคการเมืองแล้ว ผลที่ออกมา ยังเป็นตัวชี้วัดสนามอื่นๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะศึกเลือกตั้งใหญ่ 

ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า “สมรภูมิภาคใต้” นอกเหนือจะเป็นการชิงชัยกันระหว่าง "พลังประชารัฐ"และ“ประชาธิปัตย์” แล้ว ขั้วรัฐบาลยังมีคู่แข่งสำคัญอย่าง “ภูมิใจไทย” ที่ยามนี้ "เปิดเกมรุก-บุกพื้นที่" อย่างหนักไม่แพ้กัน 

ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี2562 เสียงภาคใต้ถูกเฉลี่ยให้กับพรรคการเมือง แบ่งเป็น พลังประชารัฐ ได้ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ 13 ที่นั่งบวกอีกหนึ่งที่นั่งในศึกเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช หลัง "อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ" เอาชนะ "พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ " จากพรรคประชาธิปัตย์ รวมเป็น14ที่นั่ง 

"ประชาธิปัตย์"  เจ้าของพื้นที่เดิมกวาดส.ส. 21 ที่นั่งก่อนเสีย1ที่นั่งให้พรรคพลังประชารัฐในศึกเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช ยังไม่นับรวม2ที่นั่งนั่นคือในส่วนของ"ชุมพล จุลใส" จากชุมพรและ "ถาวร เสนเนียม" จากสงขลา ที่ต้องลุ้นผลเลือกตั้งซ่อมในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ และในส่วน "อันวาร์ สาละ" ส.ส.นราธิวาส ที่ยามนี้เริ่มปันใจออกห่างค่ายสีฟ้าโดยพฤตินัย

ขณะที่ภูมิใจไทย สามารถเจาะไข่แดงปชป.ครองที่นั่งภาคใต้ถึง 8 ที่นั่ง ส่วนที่เหลือเป็นของประชาชาติ6ที่นั่งและรวมพลังประชาชาติไทย 1ที่นั่ง

ฉะนั้นด้วยศึกเลือกตั้งซ่อม 2 สนามที่กำลังเกิดเกมวัดพลังกันภายในขั้วรัฐบาลอยู่ขณะนี้

แม้ก่อนหน้า “เสี่ยหนู” อนุทินชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะออกมาพูดถึงเรื่องมารยาทการเมืองว่า

"สไตล์ของพรรคภูมิใจไทยถ้าเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลก็จะหลีกทางให้พรรคต้นสังกัดของ ส.ส.ที่ถูกให้พ้นตำแหน่ง ส่งผู้สมัครลงชิง จะได้ไม่ต้องสร้างความลำบากใจให้กันเพราะเราต้องทำงานด้วยกัน" 

แต่เบื้องลึกเบื้องหลังจริงๆ ในตอนแรก “ภูมิใจไทย”  เองก็มีความลังเลว่า “ส่ง” หรือ “ไม่ส่ง” ผู้สมัคร 

โดยเฉพาะแม่ทัพใหญ่ อย่าง “เจ๊เปี๊ย” นาที รัชกิจประการ ที่มั่นอกมั่นใจว่า จากการเจาะพื้นที่มาอย่างหนัก หากส่งผู้สมัครน่าจะนำชัยมาให้พรรคได้ไม่ยาก และนอกเหนือจะเป็นสนามประลองกำลังแล้ว ยังเป็นการตุนแต้มให้พรรคเพื่อปูทางสู้สนามอื่นๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกด้วย

ทว่า ที่สุดเมื่อพรรคมีมติ “ไม่ส่งผู้สมัคร”  ตัว “นาที” จึงอยู่ในสภาวะจำยอมตามมติพรรคที่ออกมา แต่ลึกๆยังหวังไปถึงการปักธงขยายฐานเสียงภาคใต้โดยเฉพาะการเลือกตั้งในสนามหน้า 

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเจาะพื้นที่ของภูมิใจไทยคือ “กติกาเลือกตั้ง” ทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก ซึ่งออกแบบมาให้ “ภูมิใจไทย” เป็นรอง โดยเฉพาะส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่อาจหายไป 

จึงไม่แปลกที่ยามนี้บรรดาขุนพลค่ายสีน้ำเงินจะแก้เกมด้วยการ “ดูดส.ส.” ในระบบเขต มาเติมแต้มพรรค ตอกย้ำภาพชัดจากการ “เปิดดีลพ่วงโปรย้ายค่าย” ในช่วงที่ผ่านมา หวังผลไปถึงสนามเลือกตั้งใหญ่ในอนาคต 

โดยเฉพาะภาคใต้ที่ยามนี้ “พลังประชารัฐ”และ “ประชาธิปัตย์” กำลังอยู่ในสภาวะ“ตาอิน กะ ตานา” แย่งหัวปลา-หางปลา กันด้วยแล้ว

หากไม่วางเกมให้รัดกุมจะกลับกลายเป็นไปเข้าทาง “ตาอยู่” อย่างภูมิใจไทยในการคว้าพุงปลาไปใส่รังหนูหลังจากนี้