"สมชัย" จ่อเดินสายพบพรรคการเมือง ขอเสียงหนุนรื้อรธน.ตัดส.ว.เลือกนายกฯ

"สมชัย" จ่อเดินสายพบพรรคการเมือง ขอเสียงหนุนรื้อรธน.ตัดส.ว.เลือกนายกฯ

"สมชัย" จ่อเดินสายพบพรรคการเมือง ขอเสียงหนุนรื้อรัฐธรรมนูญ ตัดอำนาจส.ว.เลือกนายกฯ หวังฉลุยวาระ1-3 ประเดิม "เสรีรวมไทย-ไทยสร้างไทย"

 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะคณะผู้รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า หลังจากนี้จะเริ่มทยอยไปพบกับพรรคการเมืองต่างๆ ให้มากที่สุด ทั้งพรรคที่มี ส.ส.อยู่ในสภาผู้แทนราษฎรและพรรคที่ยังไม่มี ส.ส. เพื่อให้ทราบถึงข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 การตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานประชาธิปไตย เพื่อให้การเลือกนายกฯเกิดขึ้นในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น

รวมถึงการขอความร่วมมือจากพรรคต่างๆ หากเป็นพรรคที่มี ส.ส.จะขอให้ช่วยลงมติรับหลักการดังกล่าวในวาระที่ 1 และวาระที่ 3

นายสมชัยกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันจะขอให้ช่วยรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไปยังสมาชิกพรรคและประชาชนผ่านกลไกและช่องทางประชาสัมพันธ์ของพรรคที่มีอยู่ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวาง

โดยวันจันทร์ที่ 10 มกราคม มีกำหนดการคือ เวลา 10.00 น. พบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ทำการพรรคเสรีรวมไทย บางขุนนนท์

จากนั้นเวลา 13.00 น. พบคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย ซอยลาดปลาเค้า 60 ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ จะทยอยแจ้งกำหนดการให้ทราบต่อไป เนื่องจากขณะนี้หลายพรรคยังติดภารกิจเรื่องการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.

นายสมชัยกล่าวต่ออีกว่า ส่วนการเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อทางระบบออนไลน์ จะเริ่มในวันที่ 17 มกราคม โดยจะมีการแถลงข่าวและเสนอให้เห็นถึงแอพพลิเคชั่นที่จะใช้ลงชื่อออนไลน์ว่ามีหน้าตาอย่างไร มีความสะดวกต่อการใช้งานกับประชาชนอย่างไร โดยกำหนดระยะเวลารณรงค์ประมาณ 3 เดือน คาดว่าจะครบกำหนดกลางเดือนเมษายน 2565 ทั้งนี้ กรณีที่รวบรวมรายชื่อได้ครบ 50,000 ชื่อก่อนก็จะนำเสนอต่อประธานรัฐสภาไปเบื้องต้นก่อน โดยไม่จำเป็นต้องรอครบ 3 เดือน แต่จะยังเปิดรับรายชื่อไปเรื่อยๆ เพื่อดูว่าภายใน 3 เดือน จะมีประชาชนให้ความเห็นชอบร่วมกันเพื่อแก้ไขประเด็นดังกล่าวจำนวนเท่าใด ซึ่งเราตั้งเป้าหมายไว้ที่ 70,000 ชื่อ