“วิษณุ” เคลียร์ปมร้อน “นายกฯ” เป็น 8 ปี หน้าที่ “ศาล รธน.” เท่านั้นชี้ขาดได้

“วิษณุ” เคลียร์ปมร้อน “นายกฯ” เป็น 8 ปี หน้าที่ “ศาล รธน.” เท่านั้นชี้ขาดได้

“วิษณุ” ออกโรงเคลียร์ปมตีความ “นายกฯ” นั่งเก้าอี้ 8 ปี มีเพียง “ศาล รธน.” เท่านั้นชี้ขาดได้ เผยเป็นแค่ความเห็นของฝ่ายกฎหมายสภาฯ เกิดจากการตั้งสมมติฐาน ต้องรอจังหวะเหมาะสมถึงยื่นได้ ไม่ขอตอบจะอยู่กับ “บิ๊กตู่” ถึงปี 70 หรือไม่

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2564 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่ฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร ตีความการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะอยู่ยาวไปจนถึงปี 2570 ว่า ยังไม่มีอะไรต้องทำในขณะนี้ เพราะปัญหาเป็นการตั้งข้อสงสัยมานานแล้ว และหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้อง ก็มีสิทธิ์ที่จะศึกษาและหาคำตอบเพื่อจะแจ้งหน่วยงานของตน แต่ที่จะทำให้เกิดความยอมรับหรือเชื่อถือในสาธารณชนจะต้องมาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในส่วนของรัฐบาลจะต้องพึ่งพากฤษฎีกา ซึ่งก็มีน้ำหนักในระดับหนึ่ง แต่จะทำให้คนยอมรับและยุติต้องพึ่งศาลรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นสภา มีสิทธิ์ที่จะทำเนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการหานายกรัฐมนตรี ซึ่งตนไม่รู้เรื่อง และเรื่องนี้เองก็มาจากสื่อมวลชน 

ส่วนทำไมประเด็นดังกล่าวจึงออกมาจากสภาไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาลนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกหน่วยทำในส่วนของตัวเองไป คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ทำในส่วนของเขา สภาทำส่วนของสภา รัฐบาลก็ทำส่วนของรัฐบาล แต่คำตอบสุดท้ายคือต้องมาจากศาลรัฐธรรมนูญ และต้องมาในจังหวะเวลาอันเหมาะสม เพราะหากถามไปตอนนี้เขาก็ไม่ตอบ

เมื่อถามว่าแนวคิดของสภาเป็นแนวคิดเดียวกับนายวิษณุ หรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอตอบ เพราะเป็นเรื่องของสภา และความเห็นที่ออกมาจากสภาก็ไม่ใช่ในส่วนของสมาชิกรัฐสภา แต่เป็นความเห็นเฉพาะของฝ่ายกฎหมาย ตนก็ทราบเรื่องนี้มานานแล้ว และเป็นแนวทางเดียวกับกฤษฎีกาหรือไม่นั้น ตนก็ไม่ขอตอบเนื่องจากไม่เคยส่งให้กฤษฎีกา ส่วนจะส่งให้กฤษฎีกาหรือไม่ เมื่อถึงจังหวะอันเหมาะสม โดยจะต้องคุยกัน อีกครั้งหนึ่ง 

ส่วนจะต้องรอให้ถึงเดือน ส.ค. 2565 เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องให้เวลาที่จะวินิจฉัยออกมา และสามารถใช้การได้ ส่งไปใกล้สิงหาแล้วพอเลย ส.ค. 2565 ว่าจะสงสัยกันอีก โดยการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความมีเวลาที่เหมาะสมอยู่แล้ว และการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความจะเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่เพียง ส.ส.อย่างเดียว 

“ปัญหาคือศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำวินิจฉัย เนื่องจากปัญหายังไม่เกิด และศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำถามที่เกิดจากการตั้งสมมติฐาน แต่หากเรื่องนั้นเกิดขึ้นแล้วอาจจะสายเกินแก้ จึงจะต้องมีจังหวะเวลาที่เหมาะสม ส่วนเงื่อนไขใดจะถือว่าเป็นจังหวะเงื่อนไขสำคัญตนมองว่าเดี๋ยวค่อยคุยกัน” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนทางส่งให้กฤษฎีกาตีความจะใช้ระยะเวลานานหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ใช้เวลาไม่นาน โดยขอให้อย่าโทษสภา เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ไม่ใช่ ส.ส หรือ ส.ว. มีหน้าที่ที่จะทำการบ้านเสนอส่งผู้บังคับบัญชา ส่วนจะถูกหรือจะผิดก็ช่างเพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ 

ขณะที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่าสภาฯไม่น่าจะมาออกหน้าออกตานั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ฝ่ายค้านเองก็ตีความของตัวเองอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ 

ส่วนที่การที่นายกรัฐมนตรีไม่ใช่ ส.ส .จนมีการหาจุดเชื่อมโยงไม่ได้ว่าทำไมทางสภาจึงออกความเห็นมาเช่นนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกของ ส.ส. เมื่อ ส.ส.เลือกขึ้นมาก็จะต้องเลือกอีกในครั้งต่อไป จึงต้องมีการคิดเอาไว้ในส่วนนั้น ตนถึงบอกว่าโจทย์ในเรื่องนี้ หากเอาไว้คุยกันในสังคมลมโชย เกี่ยวกับใครคนนั้นก็อยากรู้ สื่อเองก็อยากรู้ ก็อาจจะหาครูบาอาจารย์นักวิชาการมาแนะนำสื่อก็ได้ แต่ทุกอย่างไม่เป็นทางการ สภาก็ทำการบ้านในส่วนของเขาเตรียมไว้ พรรคการเมืองก็ทำในส่วนของตัวเตรียมไว้ แต่ในที่สุดคำตอบจริง ๆ จะต้องมาจากศาลรัฐธรรมนูญ 

นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีไม่เคยปรึกษาเรื่องนี้กับตนแต่อย่างใด ส่วนนายกรัฐมนตรีหากดำรงตำแหน่งถึงปี 2570 นายวิษณุจะอยู่ด้วยหรือไม่ ตนไม่ขอตอบ