สนามซ่อม"เปิดพรรค-หยั่งกระแส" พรรคเก่า-พรรคใหม่ เปิดศึกชิง 3 เขต

สนามซ่อม"เปิดพรรค-หยั่งกระแส" พรรคเก่า-พรรคใหม่ เปิดศึกชิง 3 เขต

ทว่า สนามเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงสนามของพรรคการเมืองเก่า พรรคการเมืองใหญ่ แต่เป็นสนามลองเชิงหยั่งกระแสของพรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่เช่นกัน เพราะหลังทยอยตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่หลายพรรค ก็มีเพียงสนามท้องถิ่นเป็นสนามซ้อม

เปิดหัวปีใหม่ 2565 การเมืองเข้มข้นทันที หลังจากจะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ใน 3 พื้นที่ ประกอบด้วย เขต 6 จ.สงขลา เขต 1 จ.ชุมพร และเขตหลักสี่ กทม. ซึ่งแม้อายุเทอมรัฐบาล เทอมสภาจะครบวันที่ 23 มี.ค.2566 หากผู้สมัครคนใดได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ก็อาจจะอยู่ได้เพียง 1 ปีกว่า แม้ระยะเวลาจะสั้น แต่ไม่ได้ทำให้ความเข้มข้นในการแย่งชิงเก้าอี้ ส.ส. ลดน้อยลงเลย

เนื่องจากผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนและทุกพรรค ต่างต้องการยึดพื้นที่ให้ได้ เพื่อต่อยอดในการวางฐานเสียงและสร้างคะแนนนิยม เอาไว้รองรับการเลือกตั้งครั้งหน้า หากใครคว้าชัยสนามเลือกตั้งซ่อม ย่อมมีโอกาสที่จะชนะสนามเลือกตั้งใหญ่พร้อมกันทั่วประเทศมากกว่าคู่แข่งคนอื่น

เหตุผลข้างต้นทำให้พรรคการเมืองเก่า พรรคการเมืองใหญ่ และพรรคการเมืองใหม่ ส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ ส.ส.ในสนามเลือกตั้งซ่อมทุกเขต ถือเป็นการเดินการเมืองเชิงยุทธศาสตร์ ในการเปิดนโยบายพรรค เปิดตัวผู้สมัคร หยั่งเสียงประชาชนในพื้นที่ และหากสามารถคว้าชัยชนะได้ ก็ย่อมจุดกระแสให้พรรคได้เช่นกัน

กรุงเทพธุรกิจได้รวบรวบข้อมูลแต่ละพรรคการเมือง ที่เปิดฉากลุยในสนามเลือกตั้งซ่อม 3 เขต ดังนี้

พรรคพลังประชารัฐ ส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ ส.ส. สนามเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขต โดยเขต 6 จ.สงขลา ส่ง “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” เขต 1 จ.ชุมพร ส่ง "ชวลิต อาจหาญ" หรือทนายแดง ส่วนเขตหลักสี่ กทม. “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่เคาะว่าจะส่งใครเป็นผู้สมัคร โดยมี “สรัลรัศมิ์ เตชะจิรสิน” ภรรยา “สิระ เจนจาคะ” เจ้าของพื้นที่เดิมเป็นตัวเต็ง

ครั้งนี้พลังประชารัฐ ที่ถือว่าได้เปรียบในแง่เป็นพรรครัฐบาล ตั้งความหวังเอาไว้ว่าต้องคว้าชัยในทุกเขตเลือกตั้งซ่อม เพราะทุกพื้นที่มีนัยทางการเมืองแฝงอยู่ โดยเฉพาะกระแสนิยมในตัว “พล.อ.ประยุทธ์” และคะแนนนิยมของพรรคที่เริ่มลดน้อยถอยลง

สนามซ่อม\"เปิดพรรค-หยั่งกระแส\" พรรคเก่า-พรรคใหม่ เปิดศึกชิง 3 เขต

พรรคประชาธิปัตย์ ส่งผู้สมัครครบทั้ง 2 เขตเช่นกัน โดยเขต 6 จ.สงขลา ส่ง “สุภาพร กำเนิดผล" เขต 1 จ.ชุมพร ส่ง “อิสรพงษ์ มากอำไพ” 

ความคาดหวังของประชาธิปัตย์ ต้องการคว้าชัยทั้ง 3 เขตเลือกตั้งซ่อมเช่นกัน โดยเฉพาะเขต 6 จ.สงขลา และเขต 1 จ.ชุมพร ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เก่า หากพ่ายให้พรรคใด ก็เสียรังวัดไม่น้อย

สนามซ่อม\"เปิดพรรค-หยั่งกระแส\" พรรคเก่า-พรรคใหม่ เปิดศึกชิง 3 เขต

พรรคก้าวไกล เป็นอีกพรรคที่ส่งผู้สมัครครบทั้ง 3 เขต โดยเขต 6 จ.สงขลา ส่ง “ธิวัชร์ ดำแก้ว” เขต 1 จ.ชุมพร ส่ง “ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์” เขตหลักสี่ กทม. ส่ง เพชร “กรุณพล เทียนสุวรรณ” นักแสดงขวัญใจม็อบสามนิ้วชิมลางหยั่งกระแส 

ขณะที่ 2 เขตในพื้นที่ภาคใต้ พรรคก้าวไกล ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องชนะการเลือกตั้ง แต่คาดหวังการบ่มเพาะความคิด จุดหัวเชื้อกระแสของก้าวไกลให้ฝังลงไปในพื้นที่มากกว่า ส่วนเขตหลักสี่ กทม. ด้วยกระแสของคนกทม.ที่มี “คนรุ่นใหม่” ขึ้นมาเป็นนิวโหวตเตอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พรรคก้าวไกลจึงคาดหวังเอาไว้ไม่น้อย

สนามซ่อม\"เปิดพรรค-หยั่งกระแส\" พรรคเก่า-พรรคใหม่ เปิดศึกชิง 3 เขต

พรรคเพื่อไทย รอบนี้ ยอมหมอบใน 2 เขตภาคใต้ เพราะรู้ตัวดีว่าโอกาสที่จะเบียดพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐมีน้อยมาก ส่วนเขตหลักสี่ กทม. แม้จะรอกรรมการบริหารพรรคเคาะอีกครั้ง แต่ชื่อของ “สุรชาติ เทียนทอง" ลูกชายของ “ป๋าเหนาะ” ถูกล็อคเอาไว้เรียบร้อยแล้ว รอแค่มติกรรมการบริหารพรรคอนุมัติเท่านั้น 

สนามซ่อม\"เปิดพรรค-หยั่งกระแส\" พรรคเก่า-พรรคใหม่ เปิดศึกชิง 3 เขต

ทั้งหมดคือความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองเก่า-พรรคการเมืองใหญ่ ที่เปิดตัวผู้สมัครลงชิงสนามเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขต ซึ่งต้องรอติดตามยุทธวิธีในการหาเสียงของแต่ละพรรค จะมีจุดขายในการทำคะแนนอย่างไร

ทว่า สนามเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงสนามของพรรคการเมืองเก่า พรรคการเมืองใหญ่ แต่เป็นสนามลองเชิงหยั่งกระแสของพรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่เช่นกัน เพราะหลังทยอยตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่หลายพรรค ก็มีเพียงสนามท้องถิ่นเป็นสนามซ้อม

เมื่อมีการจัดการเลือกตั้งซ่อมสนามระดับชาติ บรรดาพรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ จึงตัดสินใจส่งผู้สมัคร ประเดิมสนามเลือกซ่อม เพื่อเป็นการเปิดตัว แนะนำพรรค ขยายกระแส สร้างพื้นที่ สร้างฐานเสียง เพื่อไม่ให้เสียโอกาส 

พรรคกล้า แม้จะเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ เคยลงชิงเก้าอี้ ส.ส. สนามเลือกตั้งซ่อม จ.นครศรีธรรมราช มาแล้ว แม้จะแพ้การเลือกตั้ง แต่ไม่ได้ทำให้ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรค และแกนนำถอดใจ ยังเกาะติดทุกพื้นที่ ชนิดไม่ปล่อย ส่งผู้สมัครลงรับการเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขต

โดยเขต 6 จ.สงขลา ส่ง “พงศธร สุวรรณรักษา” เขต 1 จ.ชุมพร ส่ง “พ.ต.อ.ทศพล ถือฤกษ์” ส่วนเขตหลักสี่ กทม.อยู่ในกระบวนการพรรค แต่ฟันธงได้ว่า “กรณ์” และพรรคกล้า ไม่พลาดส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้อย่างแน่นอน เพราะฐานที่มั่นของ “กรณ์" และ "อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี" เลขาฯพรรค” คือ กทม. ที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้สูง

สนามซ่อม\"เปิดพรรค-หยั่งกระแส\" พรรคเก่า-พรรคใหม่ เปิดศึกชิง 3 เขต

ขณะเดียวกัน พรรคไทยภักดี ที่นำโดย “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคสายแข็งปกป้องสถาบัน ก็ไม่ยอมตกขบวน ใช้จังหวะนี้ ลงสนามเลือกตั้งครั้งแรก โดยส่ง “พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์” เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่ กทม.

ว่ากันว่า “หมอวรงค์” วางเกมชิงคะแนนจากพรรคพลังประชารัฐทันที โดยการประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ให้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ พร้อมชูนโยบายตอบแทนแผ่นดินไทยตามคอนเซปต์ของชื่อพรรค

สำหรับพรรคจัดตั้งขึ้นใหม่อย่าง พรรคไทยสร้างไทย ของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ซึ่งอยู่ระหว่างโรดทัวร์ 77 จังหวัด ยังไม่เห็นสัญญาณการส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ ส.ส. เขตหลักสี่ กทม. 

ทว่า ยี่ห้อ “สุดารัตน์” ที่รู้จักกันในนาม “เจ้าแม่กทม.” หากพลาดสนามเลือกซ่อมกทม. ก็อาจเสียโอกาสในการเปิดตัวพรรคไปอย่างน่าเสียดาย จึงต้องรอวัดใจ “คุณหญิงสุดารัตน์” ว่าจะเดินหมากการเมือง ในกทม.อย่างไร 

ที่น่าสนใจ ต้องจับตา พรรคสร้างอนาคตไทย ของ “2 กุมาร” นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่นัดสื่อมวลชนเปิดตัวพรรคในวันที่ 3 ม.ค.2565 ต้นปีหน้านี้ เพราะหากทุกอย่างพร้อม สนามเลือกตั้งซ่อม หลักสี่ กทม. อาจจะเป็นศึกแรกที่ “2 กุมาร” จะสร้างอนาคตการเมืองให้ตัวเองได้หรือไม่