จุลใสแฟมิลี่ ใต้ชายคาบ้านป่ารอยต่อฯ

จุลใสแฟมิลี่ ใต้ชายคาบ้านป่ารอยต่อฯ

จุลใสแฟมิลี่ จึงต้องเคลื่อนย้ายไพร่พลมาอยู่ใต้ชายคาบ้านป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง หากยังรวมถึงอาณาจักรธุรกิจของตระกูลจุลใส ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

นับแต่การเลือกตั้งปี 2535 จนถึงปี 2554 สนามชุมพร ถูกผูกขาดโดยพรรคประชาธิปัตย์ โดย ส.ส.ขาประจำ 3 คนคือ ศิริศักดิ์ อ่อนละมัย, สุชาติ แก้วนาโพธิ์ และสุวโรช พะลัง

การเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 เกิดความเปลี่ยนแปลงในสนามชุมพร เมื่อ ปชป.สูญเสีย 1 ที่นั่งให้กับสุพล จุลใส พรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่เขต 3 (หลังสวน,ทุ่งตะโก,ละแม,พะโต๊ะและสวี)

ชัยชนะของ "ลูกช้าง" สุพล จุลใส ยังได้สร้างปรากฏการณ์บ้านใหญ่ยึดชุมพรไปโดยปริยาย เพราะ "ลูกหมี" ชุมพล จุลใส ก็ได้เป็น ส.ส.เขต 2 พรรค ปชป. แม้สองพี่น้องจะอยู่ต่างพรรค แต่ก็เครือญาติเดียวกันคือ จุลใสแฟมิลี่

จุลใสแฟมิลี่ แห่ง ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร เริ่มขยายเครือข่ายสู่การเมืองระดับชาติเมื่อปี 2550 ในยุคที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค และสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการพรรค 

เมื่อสุเทพ ประกาศสนับสนุน ชุมพล จุลใส ประธานสภา อบจ.ชุมพร ในขณะนั้นลงสมัคร ส.ส.ชุมพร ซึ่งเดิมที ชุมพลเป็น ส.อบจ.ชุมพร ปี 2546 และปีถัดมา ได้เป็นประธานสภา อบจ.ชุมพร

การเลือกตั้งปี 2550 ใช้กติกาพวงใหญ่ ชุมพลคว้าอันดับ 1 ได้ 209,982 คะแนน เหนือ ส.ส.รุ่นพี่พรรค ปชป. อย่างศิริศักดิ์ อ่อนละมัย หลังจากนั้น ส.ส.สมัยแรกอย่างลูกหมี ก็ผงาดเหนือฟ้าชุมพร ด้วยแรงหนุนของสุเทพ เทือกสุบรรณ

คนชุมพรทราบดี ชัยชนะของลูกหมี มาจาก 2 ปัจจัยคือ กระแสพรรค และกองหนุนจุลใสแฟมิลี่ ภายใต้การนำของ "ลูกช้าง" สุพล จุลใส นายก อบต.นาสัก พี่ชายลูกหมี

เบ้าหลอมการเมืองของลูกช้าง-ลูกหมี คือ "ผู้ใหญ่เหม็ง" บุญธรรม จุลใส ผู้ใหญ่บ้านนาสัก ซึ่งเป็นมิตรร่วมรบของ ส.สืบแสง หรือ จัตุรนต์ คชสีห์ อดีต ส.ส.ชุมพร เมื่อครั้งยังเป็นสหายระดับนำเขตงานชุมพร-สุราษฏร์ธานี

ปี 2528 บุญธรรม จุลใส ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.จ.เขต อ.สวี และ อ.ทุ่งตะโก ได้ช่วยจัตุรนต์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 2529 สังกัด ปชป. จนได้เป็นผู้แทนสมัยแรก และเลือกตั้ง 2531 ย้ายมาอยู่พรรคประชาชน ก็ชนะอีก ตอนหลังจัตุรนต์ย้ายไปความหวังใหม่ สอบตกก็ห่างเวทีชุมพรไป 

ปี 2546 ผู้ใหญ่เหม็งได้ส่งลูกชายคนเล็กคือ ลูกหมี ลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ก่อนขยับเป็น ส.ส.ชุมพร ถัดมา ปี 2555 ลูกช้างอดีตนายก อบต.นาสัก ลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.ชุมพร สามารถคว่ำคู่แข่ง ศิริศักดิ์ อ่อนละมัย อดีต ส.ส.ชุมพร 8 สมัย ได้เป็นนายก อบจ.

ปลายปี 2563 จุลใสแฟมิลี่ ประสบชัยชนะอีกครั้ง เมื่อนพพร อุสิทธิ์ อดีตประธานสภา อบจ.ชุมพร 3 สมัย ได้รับเลือกตั้งเป็น นายก อบจ.ชุมพร ในนามทีมพลังชุมพร โดยนพพรเป็นสามีของ สุจิตรา อุสิทธิ์ น้องสาวของสุพล จุลใส และเป็นพี่สาวของชุมพล จุลใส

เมื่อ 28 พ.ย.2564 เปี้ยว-สุจิตรา อุสิทธิ์ ชนะเลือกตั้งได้เป็นนายก อบต.นาสัก สมัยที่ 2 พร้อมกับนายก อบต.อีกครึ่งจังหวัด ที่ลงสมัครในนามเครือข่ายพลังชุมพร หรือจุลใสแฟมิลี่ 

นี่คือการฉายภาพเครือข่าย "จุลใสแฟมิลี่" ตั้งแต่ระดับ อบต. ,อบจ. และ ส.ส. ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนใน จ.ชุมพร

ชั่วโมงนี้ "ลูกหมี" ชุมพล จุลใส ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองและติดบ่วงคดี กปปส. จึงเหลือแต่ "ลูกช้าง" สุพล จุลใส ที่ต้องโลดแล่นไปบนถนนการเมืองต่อไป ดังนั้น การเลือกตั้งสมัยหน้า ด้วยกติกาบัตร 2 ใบ ไม่เหมาะสำหรับพรรคขนาดเล็กอย่างรวมพลังประชาชาติไทย

จุลใสแฟมิลี่ จึงต้องเคลื่อนย้ายไพร่พลมาอยู่ใต้ชายคาบ้านป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง หากยังรวมถึงอาณาจักรธุรกิจของตระกูลจุลใส ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

สุเทพ เทือกสุบรรณ ในวันที่ติดบ่วงคดีย่อมเข้าใจในการตัดสินใจของลูกช้าง-ลูกหมี เพราะช่วงศึก กปปส. ลูกหมีได้ทุ่มเททั้งตัวและหัวใจให้ภารกิจของลุงกำนัน จนมีบาดแผลติดตัวมาจนวันนี้ 

การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 จึงเป็นเรื่องศักดิ์ศรีและบารมีของจุลใสแฟมิลี่ ไม่ใช่เรื่องของประชาธิปัตย์หรือพลังประชารัฐ ลูกหมีหวังนำชัยชนะมาเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำจากการถูกลงโทษติดคุกและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง

อนาคตของจุลใสแฟมิลี่ จะอยู่ที่แม่ทัพลูกช้าง สุพล จุลใส และผลการเลือกตั้งทั่วไปสมัยหน้า ถ้าปักธง ส.ส.ชุมพร ได้อย่างน้อย 2 เขต ก็ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย