บัตร 2 ใบ - ต้นทุนพรรคใหม่ เลือดเก่าไหลกลับ “เพื่อไทย”

บัตร 2 ใบ - ต้นทุนพรรคใหม่ เลือดเก่าไหลกลับ “เพื่อไทย”

ปรากฎการณ์เลือดเก่าไหลกลับเพื่อไทย ยังจะเกิดขึ้นอีกหลายระลอก เมื่อคนแดนไกลกำลังไล่เช็คลิสต์ เพื่อดูดกลับมารวมพลังกันสู้ศึกครั้งนี้

การแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย เปิดบ้านต้อนรับ “อดีตสมาชิก” ย้ายกลับเข้าพรรค ไม่เกินความคาดหมาย

ทีมแรก “จาตุรนต์” และพี่น้องตระกูลฉายแสง แห่งฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย อดีต ส.ส. เพื่อนพ้อง นปช.หอบกันกลับถิ่นเก่า ได้แก่ ฐิติมา ฉายแสง วุฒิพงษ์ ฉายแสง เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ ก่อแก้ว พิกุลทอง นพ.เหวง โตจิราการ นิคม ไวยรัชพานิช วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ประภัสร์ จงสงวน ปิดฉาก "พรรคเส้นทางใหม่

นอกจากนี้ ยังมี “สามารถ แก้วมีชัย” อดีตรองประธานสภาฯ อดีต ส.ส.เชียงราย ที่ถอยฉากจากพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไหลกลับมารวมกัน

ยังมีรายที่เข้าคิวกลับอีกยังมี วิชิต ปลั่งศรีสกุล นพ.ประจวบ อึ้งภากรณ์

ที่ต้องจับตาอีกกลุ่มต่อมา คือ “กลุ่มบ้านใหญ่เมืองมหาชัย” ของ “เฮียม้อ” มณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ที่มีโอกาสอำลา “ชาติไทยพัฒนา” กลับเพื่อไทยเช่นกัน เพราะหลังจากเลือกตั้งสมัยที่แล้ว “เฮียม้อ” ตัดสินใจไปอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา ตามคำร้องขอของบ้านใหญ่สะสมทรัพย์ นครปฐม ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ แต่ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ กับคนแดนไกล แต่ผลเลือกตั้ง ทีมผู้สมัคร ส.ส.ในสังกัดพ่ายเรียบ

ช่วงเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรสาคร เฮียม้อส่งลูกชาย “อุดม ไกรวัตนุสสรณ์” ลงสนามในนามกลุ่มคนทำงาน คราวนี้เฮียม้อกู้หน้าสำเร็จ ปลัดแต หรือ อุดม ชนะขาดลอย ได้เป็นนายก อบจ. สืบต่อจากบิดา ดังนั้นจึงมีกระแสข่าวเชิงลึกว่า คนแดนไกลต่อสายตรงมาเจรจากับบ้านใหญ่มหาชัย ขอให้คืนรังเก่า

วันนี้กลุ่มย้ายกลับพูดเป็นเสียงเดียวกัน ถึงกติกาใหม่ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่ไม่เอื้อต่อพรรคใหม่ 

ทำให้ความมุ่งมั่น ของ “จาตุรนต์ ฉายแสง” และ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ที่หวังจะสร้างพรรคอุดมการณ์ กับเพื่อนพ้อง นปช.ประชาธิปไตย แต่กติกาเลือกตั้งเปลี่ยน แถมท่อน้ำเลี้ยงไม่พอ จึงไปต่อไม่ไหว

หรือแม้แต่ “สามารถ แก้วมีชัย” ที่ไปร่วมด้วยช่วยพรรค “คุณหญิงหน่อย” สุดารัตน์ มาระยะหนึ่ง ก็รับรู้ถึงอนาคต

ปฏิเสธไม่ได้ว่า พรรคใหญ่มีข้อได้เปรียบมีทั้งฐานและทุน ฉะนั้นพรรคใหม่ป้ายแดงคงไปต่อยาก 

หากประเมินสถานการณ์การเมือง แบรนด์พรรคใหม่ในสถานการณ์บีบให้“เลือกขั้ว” จึงเสียเปรียบทุกทาง เมื่อเทียบกับแบรนด์พรรคใหญ่ โดยเฉพาะเพื่อไทยที่เป็นสินค้าประชานิยมในหลายพื้นที่

ที่สำคัญ เวลานี้สถานการณ์ในพรรคเพื่อไทย หลังปรับโครงสร้างใหม่ ทำให้ปัญหาความขัดแย้งลดลงไปมาก จึงทำให้หลายกลุ่มตัดสินใจกลับไม่ยาก 

อีกทั้งนโยบาย “คนแดนไกล” ดูดและดีลกลับ ที่ผ่านมือ “เฮีย พ.” มือประสาน ได้เข้ามาเคลียร์พื้นที่ในพรรคเพื่อไทย ทำให้ที่ทางของแต่ละกลุ่มลงตัว

ยุทธศาสตร์พรรคเดียว ไม่มีแตกแบงค์พันเที่ยวนี้ ค่ายเพื่อไทยคาดหวังสูงกับบัตร 2 ใบ จะแลนด์สไลด์เพื่อไปตั้งรัฐบาล 

กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่ย้อนกลับไปใช้ของเดิม ทำให้นักเลือกตั้งถอดบทเรียนการเลือกตั้ง (ครั้งที่สอง ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540) เมื่อปี 2548 ที่พรรคไทยรักไทยแลนด์สไลด์ จนกวาด 377 ที่นั่งในสภา เพื่อเป็นโมเดลสำหรับการเลือกตั้งเที่ยวหน้า

อีกทั้งพรรคการเมืองส่วนใหญ่ ยังมั่นใจกับนักการเมืองเก่า กลุ่มบ้านใหญ่ ที่มีฐานเสียงและเครือข่ายของตัวเองในแต่ละพื้นที่ มากกว่านักการเมืองหน้าใหม่ รุ่นใหม่

หากส่องดูไส้ในของพรรคเพื่อไทย ก็ยังเป็นการผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่า ที่มีมากกว่าคนรุ่นใหม่ ที่คนแดนไกลประเมินความเสี่ยงน้อยกว่า

อีกทั้งเพื่อไทยยังมีคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคก้าวไกล หรืออดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เน้นคนรุ่นใหม่ เพื่อไทยยังไม่สามารถขยายฐานวัยรุ่นไปสู้ได้อย่างชัดเจน 

งานนี้ หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าใหม่ป้ายแดง ระบุเป้าหมาย“ในทางยุทธศาสตร์ทางประชาธิปไตย ถ้าเราไม่รวมกัน เราสู้เขาไม่ได้จริงๆ 250 เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มาก ดังนั้นเราต้องได้ 253 ขึ้นไป ถึงจะปิด 250ได้ เป็นเป้าหมายของเรา” 

 ปรากฎการณ์เลือดเก่าไหลกลับเพื่อไทย ยังจะเกิดขึ้นอีกหลายระลอก เมื่อคนแดนไกลกำลังไล่เช็คลิสต์ เพื่อดูดกลับมารวมพลังกันสู้ศึกครั้งนี้