เฟ้นแม่ทัพใต้‘ค่ายสะตอ’ จับตาสนามใหญ่-เกมเปลี่ยน

เฟ้นแม่ทัพใต้‘ค่ายสะตอ’  จับตาสนามใหญ่-เกมเปลี่ยน

การเฟ้น"แม่ทัพใต้" ค่ายสะตอ นอกจากจะต้องไปลุ้นกันในวันที่18ธ.ค.นี้แล้วยังมีการมองข้ามช็อตไปถึงเกมการเมืองสนามใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้อีกด้วย

การเมืองภายใน “ค่ายสะตอ” ยามนี้ คงต้องจับตาไปที่การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ในวันเสาร์ที่ 18 ธ.ค.นี้ โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ การเฟ้นหา “ขุนพล” ที่จะมาทำหน้าที่รองหัวหน้าพรรคคุมภาคใต้ อันเป็นขุมกำลังสำคัญของพรรค แทน “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ที่ล่าสุดโบกมือลาบ้านหลังเก่าไปเป็นที่เรียบร้อย

รายชื่อตัวเต็ง “แม่ทัพภาคใต้” ที่ถูกเปิดออกมา ณ ขณะนี้ มีทั้งชื่อของ “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้า(ตามภารกิจ) พรรคประชาธิปัตย์

สอดรับกับท่าทีในการโชว์วิชั่นผ่านเวทีสัมมนา ส.ส. สาขา ตัวแทนและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา  ที่เจ้าตัวประกาศ “พร้อมเป็นรองหัวหน้าพรรค ปชป.ของภาคใต้” 

พร้อมชู 4 ยุทธศาสตร์ ปชป.ที่ต้อง “รีเช็ต” เพื่อสู้กับกระแส “ลุงตู่ฟีเวอร์”  อาสานำพรรค ปชป.สู้สนามเมืองคอน ซึ่งถือเป็นสนามใหญ่ที่สุดในภาคใต้กลับคืนมาทั้ง 10 เขต

อย่างที่รู้กันว่า ในส่วนของ “ชินวรณ์” นั้นได้รับแรงเชียร์มาจากส.ส.รุ่นเก่าบางส่วน และหากจะนับพรรษาหรือความ “เก๋าเกม” ทางการเมือง ทั้ง ส.ส.นครศรีธรรมราช 9 สมัย  รองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ และยังเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคคุมภาคใต้ รวมถึงเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 

บวกบทบาทการ“คุมเกม” ในสภาเวลานี้ที่มีดีกรีเป็นถึงรองประธานวิปรัฐบาล ย่อมไม่มีข้อครหาใดๆ ในเรื่องความเหมาะสม

ทว่า หากมองในแง่ของ “ขุมกำลัง” ทางการเมืองแล้ว “นายหัวชิน” อาจจะยังเป็นรอง “นายกชาย”เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา 

ที่แม้จะเป็นส.ส.สมัยแรก แต่ได้รับแรงหนุนทั้งจาก “ถาวร เสนเนียม” และ “นิพนธ์ บุญญามณี” 2 บิ๊กเนมแห่งเมืองสงขลา รวมถึงผู้มากบารมี และแบ็คคนสำคัญในค่ายสะตออย่าง “เลขาต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค

หรือในแม้กระทั่ง ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ครั้งล่าสุด ที่นายกชาย ถูกมองว่ามีส่วนสำคัญ ที่ทำให้ค่ายสะตอกลับมามีพลังอีกครั้ง หลังดัน สุภาพร กำเนิดผล ภรรยาเป็นรองนายก อบจ.และ “สจ.เสือ”วงศ์วชิระ ขาวทอง ลูกชาย เป็นสจ.เขต 1 รัตภูมิได้สำเร็จ จนมีการจับตาไปที่การขยับมาเดินเครื่องการเมืองระดับชาติในลำดับต่อไป

ยังไม่นับรวม สายสัมพันธ์ข้ามพรรคของ “3 พี่น้องต่างค่าย” ทั้ง “นายกชาย” “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพลังประชารัฐ และ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ส.ส.อุทัยธานี และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ที่แม้แต่เจ้าตัวเองยังออกมายอมรับเรื่องนี้ในทำนองว่า แม้ไม่ถึงขั้นเป็นพี่น้องร่วมสาบาน แต่ตัวเองก็ถือเป็นน้องนุชคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 3 คน ที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน มีความรัก ความผูกพันให้กัน ทั้ง “พี่ชาดา” ที่มีความรักใคร่กันมาร่วม 20 ปี หรือ “พี่นัส” ก็รู้จักรักใคร่มาร่วม 10 ปี

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมิติที่ผูกโยงกันด้วยความบังเอิญ หรือตั้งใจ? คือในส่วนของ “เลขาต่อ” กับ “เนวิน ชิดชอบ” ผู้มากบารมีแห่งค่ายสีน้ำเงิน  ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาหลายกรรมหลายวาระ

หากวัดในเรื่องคอนเน็คชั่น ตรงนี้เองที่อาจทำให้ “นายกชาย” เป็นต่อในการคุมสนามภาคใต้ ซึ่งการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา มีการแบ่งพื้นที่กันระหว่างพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย 

ฉะนั้น หากจะมองในแง่ “สมการการเมือง” ความพยายามในการดันนายกชาย ขึ้นแท่นขุนพลภาคใต้ในครั้งนี้ ย่อมสื่อนัยการเมืองอะไรบางอย่าง ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ 

ต้องจับตาอีกราวๆ 1 สัปดาห์ จะถึงวันประชุมใหญ่ประชาธิปัตย์ กว่าจะถึงวันจริงความเคลื่อนไหวภายในพรรคน่าจะทวีความเข้มข้นมากขึ้น

นอกเหนือจากตำแหน่ง “ขุนพล” ภาคใต้ค่ายสะตอแล้ว ยังมีการมองข้ามช็อตไปถึงศึกเลือกตั้งสนามใหญ่ที่กำลังจะเกิดในอีกไม่ช้าไม่นาน หลังจากนี้อีกด้วย