"พรรคเล็ก"ต่อรอง ทำ "กม.ลูก" ให้สะเด็ดน้ำ ก่อนเสนอรัฐสภา

"พรรคเล็ก"ต่อรอง ทำ "กม.ลูก" ให้สะเด็ดน้ำ ก่อนเสนอรัฐสภา

ตัวแทนพรรคเล็กร่วมรัฐบาล ค้านยกประเด็นเห็นต่าง ใน ร่างพ.ร.ป. ที่ใช้เลือกตั้ง ไปคุยชั้นกรรมาธิการ หรือแปรญัตติ ชี้ พรรคเล็กเสียเปรียบทันที เตือนให้คำนึงถึงมารยาทการเมือง-เห็นอกเห็นใจ

         นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ฐานะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และคณะทำงานเพื่อจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง กล่าวยอมรับว่าในส่วนของพรรคเล็กยังมีประเด็นที่ต้องการให้คณะทำงานฯ หารือให้ตกผลึกก่อนจะจัดทำร่างพ.ร.ป.เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ทั้ง ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยเฉพาะการคำนวณเพื่อหาส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามที่รัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่1) พ.ศ.2564 กำหนดให้คำนวณหาตามสัดส่วนที่สมพันธ์กับคะแนนรวมของพรรคการเมือง ที่ตนมองว่าต้องตีความก่อนการออกแบบระบบคำนวณ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะทำให้ระบบของการเมือง ให้สิทธิพรรคการเมืองเข้าสู่สภาฯ อย่างสมประโยชน์และเกิดประโยชน์กับประชาชน  กรณีที่มีข้อตกลงเบื้องต้นว่า หากมีประเด็นที่ยังเห็นต่างให้สงวนไปพิจารณาในชั้นแปรญัตติหรือกรรมการธิการนั้นตนกังวล เพาะจะทำให้พรรคขนาดเล็กเสียเปรียบทันที

         “ตอนเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปรับระบบเลือกตั้งทำให้มีข้อกังขาว่า พรรคใหญ่ทำฝ่ายเดียว พรรคเล็กไม่มีโอกาสมีส่วนร่วม ผมท้วงติงด้วยว่า เมื่อทำงานการเมืองร่วมกันในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้มีมารยาททางการเมือง และเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน  ดังนั้นในการกำหนดกติกาที่จะเขียนในกฎหมายลูกเพื่อใช้เลือกตั้ง ประเด็นสำคัญโดยเฉพาะการคำนวณหาส.ส.บัญชีรายชื่อ ควรทำให้จบในคณะทำงาน” นายโกวิทย์ กล่าว

 

 

         นายโกวิทย์ กล่าวด้วยว่า คณะทำงานฯ มีมติให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันเสนอร่างพ.ร.ป. ทั้ง 2 ฉบับ  และนัดประชุมอีกครั้งสัปดาห์นี้ เบื้องต้นตนมองว่าต้องนำร่างพ.ร.ป.ที่แต่ละพรรคการยกร่างเตรียมไว้ หารือร่วมกันเพื่อพิจารณาประเด็นที่เป็นจุดร่วมกัน อาทิ การกำหนดให้มีจำนวนสมาชิกพรรค, สาขาพรรค, การเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาผู้สมัครส.ส. (ไพรมารี่โหวต) , ข้อกำหนดให้ผู้ที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคต้องชำระเงินค่าสมัคร เป็นต้น รวมถึงปรับปรุงเนื้อหา ก่อนจะเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาหารือ โดยประเด็นสำคัญที่ตนมองว่า กกต.​ต้องมีส่วนสำคัญ คือ การกำหนดกติกาเพื่อป้องกันการซื้อสิทธิ ขายเสียง เพราะตนมองว่าการแก้ไขให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบนั้นทำให้เปิดช่องการทุจริตได้มากขึ้น ดังนั้น กกต.​ต้องทำงานให้เข้มข้นเพื่อให้การเลือกตั้งสุจริต

 

       เมื่อถามว่าขณะนี้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่1) พ.ศ.2564 มีผลบังคับใช้ หลายคนจับตาการยุบสภา นายโกวิทย์ กล่าวว่า ไม่ควรยุบสภาก่อนที่กฎหมายลูกเพื่อใช้เลือกตั้งจะแล้วเสร็จ  ดังนั้นตนมองว่าการทำร่างกฎหมายลูกของพรรคร่วมรัฐบาลก่อนเข้ารัฐสภาควรทำให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อรัฐสภา  ช่วงมกราคม 2565  จากนั้นให้พิจารณารายละเอียดในชั้นกรรมาธิการ เบื้องต้นอาจมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนเดือนมิถุนายน 2565.