อิทธิพล “ประธานวิปรัฐบาล”คุมเกมสภา-ค้ำเก้าอี้ "ประยุทธ์"

อิทธิพล “ประธานวิปรัฐบาล”คุมเกมสภา-ค้ำเก้าอี้ "ประยุทธ์"

“ประธานวิปรัฐบาล” ในยามที่ “สภาหินอ่อน” กลายเป็นสมรภูมิห้ำหั่นทางการเมือง ทั้งจากขั้ว “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล” และ "ขั้วภายในพรรคร่วมรัฐบาล” ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญ ที่มีบทบาทสูง ต่อการค้ำยัน "บัลลังก์" อำนาจของ "ประยุทธ์" และ "องคาพยพ"

         ประสานงาน บริหารเสียง แบ่งงาน จัดสรรอำนาจ ส.ส. กระทั่งแก้เกมการเมืองในสภาคือ หน้าที่หลักของ "ประธานวิป" หรือ "ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมือง" ไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน หรือแม้แต่วุฒิสภา

 

         ยิ่งในยามที่ "สัปปายะสภาสถาน" ที่มีความหมายถึง สถานที่ประกอบกรรมดี ได้กลายเป็นสมรภูมิห้ำหั่นทางการเมือง ระหว่างขั้ว “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล” และ "ขั้วภายในพรรคร่วมรัฐบาล” หัวขบวนวิปรัฐบาล ยิ่งมีความสำคัญ

 

         สำหรับตำแหน่งนี้ เป็นที่รับรู้กันว่า หาก “นักการเมือง” คนใดพลาดหวังจากเก้าอี้รัฐมนตรี ตำแหน่งประธานวิปรัฐบาล ย่อมเป็นที่หมายปองในลำดับรองลงมา เพราะถือว่ามีบทบาท และความสำคัญ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตำแหน่งประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ

 

         “ประธานวิปรัฐบาล” งานหลักต้องประสานทั้งรัฐบาล ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ในยามที่มีการประชุมรัฐสภา ก็ต้องประสานผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พรรคร่วมฝ่ายค้าน กลุ่มพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงฝ่ายต่างๆ จากองค์กรภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับงานนิติบัญญัติ เช่น การเสนอร่างกฎหมายต่างๆ

อิทธิพล “ประธานวิปรัฐบาล”คุมเกมสภา-ค้ำเก้าอี้ "ประยุทธ์"

         เมื่อหน้าที่หลักคือ มือประสานงานระหว่างรัฐบาลกับรัฐสภา ในสมัยก่อนผู้ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ “ประธานวิปรัฐบาล” ส่วนใหญ่มักจะเป็น “รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” เพราะรู้ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลเป็นอย่างดี ที่สำคัญหากมีเรื่องสำคัญสามารถแจ้งให้ที่ประชุม ครม.รับทราบได้ทันท่วงที

 

            นอกจากนี้ การประชุม “วิปรัฐบาล” ส่วนใหญ่จะจัดการประชุมที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล        

         ในยุคของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” อดีตประธานวิปรัฐบาล ได้หลบไปจัดประชุมวิปรัฐบาลที่อาคารรัฐสภาแทน ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม จะสั่งการให้ “วิปรัฐบาล” กลับมาจัดประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 8 พ.ย.นี้เป็นต้นไป

อิทธิพล “ประธานวิปรัฐบาล”คุมเกมสภา-ค้ำเก้าอี้ "ประยุทธ์"

         เพราะ “ประยุทธ์” รู้แล้วว่าการบริหารจัดการงานของ “วิปรัฐบาล” มีความสำคัญมาก ยิ่งเกิดความขัดแย้งขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐ การคุมเสียง-คุมเกมในสภา ยิ่งมีความสำคัญ

 โดยเฉพาะไทม์มิ่งที่จะมีการส่งกฎหมายการเงิน-กฎหมายสำคัญเข้าสู่การพิจารณาในสภา ต้องแน่ใจว่าเสียงโหวตของ “ขั้วรัฐบาล” จะไม่แตกแถว ไม่ตีตกกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ

 หากกฎหมายการเงิน-กฎหมายสำคัญ-พ.ร.ก. ถูกตีตกในวาระแรก “รัฐบาล” จำเป็นต้องรับผิดชอบ โดยมีเพียง 2 ทางเลือก 1.ลาออก 2.ยุบสภา เพียงเท่านั้น

ดังนั้น “ประธานวิปรัฐบาล”ในฐานะมือประสานสิบทิศ ต้องเป็นคนที่ “นายกรัฐมนตรี” ไว้วางใจได้มาก

ขณะเดียวกัน ประธานวิปรัฐบาลยังกุมอำนาจบริหารจัดการ แบ่งงานให้ ส.ส.ในสภา โดยเฉพาะการจัดสรรโควตาเก้าอี้ “กรรมาธิการ” ทั้ง 35 คณะ “ประธานวิปรัฐบาล” ถือว่ามีอิทธิพลอย่างสูง

อิทธิพล “ประธานวิปรัฐบาล”คุมเกมสภา-ค้ำเก้าอี้ "ประยุทธ์"

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                    ปฏิเสธไม่ได้ว่าเก้าอี้ใน "กรรมาธิการ" บางคณะที่เป็นที่หมายปองของ “ส.ส.” อย่างมาก เพราะสามารถ ต่อยอดงานบนดิน-งานใต้ดินได้ การแย่งเก้าอี้โควตาจึงเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย เนื่องจากมีกรรมาธิการไม่กี่คณะที่เป็น “ขุมทรัพย์” ของนักเลือกตั้ง

แถมในทุกปียังต้องมีการจัดสรรเก้าอี้ “กรรมาธิการงบประมาณ” ที่เปรียบเสมือนชิ้นปลามัน บรรดาส.ส.ต่างเปิดศึกแย่งชิงให้ตัวเอง-คนในเครือข่าย ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี

ซึ่งอำนาจของ “กรรมาธิการงบประมาณ” สามารถเสนอตัดลดงบประมาณ เพิ่มเติมงบประมาณ หรือแปรญัตติให้จัดสรรงบประมาณให้ลงไปในพื้นที่ ที่ต้องการได้ อำนาจดังกล่าวจึงเป็นจุดเริ่มต้นของคดีทุจริตทางการเมืองหลายคดี

           ดังนั้นประธานวิปรัฐบาล จึงมีความสำคัญทั้งการประสานงานกับรัฐบาล คุมเกมในสภาไม่ให้กระทบต่อการเสนอกฎหมาย และการดำเนินงานของรัฐบาล และมีความสำคัญในการจัดสรรอำนาจผ่านเก้าอี้กรรมาธิการให้กับบรรดาส.ส.

 

           “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” รองประธานวิปรัฐบาล ระบุถึงคุณลักษณะต้องพิเศษของประธานวิปรัฐบาลว่า การตัดสินใจว่าจะนำร่างกฎหมายญัตติใดๆ เข้าสู่การพิจารณาของสภาในแต่ละสัปดาห์ ดังนั้นต้องเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์งานสภาพอสมควร อีกทั้งต้องเป็นคนที่ชี้แจง ทำความเข้าใจ และโน้มน้าวเพื่อนสมาชิกให้เห็นคล้อยตามได้

 

           “นอกจากนั้นต้องเป็นคนที่ประนีประนอมต่อรองได้ เพราะต้องยอมรับว่างานบางอย่างในสภา เช่น ร่างกฎหมายบางฉบับต้องล็อบบี้ฝ่ายต่างๆ เพื่อให้งานสามารถเดินหน้าได้ลุล่วง” ชินวรณ์ กล่าว

อิทธิพล “ประธานวิปรัฐบาล”คุมเกมสภา-ค้ำเก้าอี้ "ประยุทธ์"

           ดังนั้นสถานการณ์การเมืองช่วงเทอมปลายของสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีความแหลมคมอย่างมาก ชินวรณ์มองว่าคนที่ทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาลต้อง “ทันเกม”

           “การเมืองในสภา มีการแบ่งฝ่าย แยกขั้วอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นโลกของโซเชียลมีเดีย ดังนั้นประธานวิป รัฐบาล ต้องเป็นผู้สื่อสารกับทุกฝ่ายได้ อีกทั้งการเมืองปัจจุบันมีความซับซ้อน เพราะในการแบ่งฝ่ายในขั้วรัฐบาล หรือขั้วฝ่ายค้าน ยังพบการแตกย่อยของกลุ่มในขั้วต่างๆ อีก และยังพบการใช้เทคนิคไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมในการพิจารณาวาระที่ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันอีก ทั้งที่ในอดีตการไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมหรือ Walk out จะถูกนำมาใช้ เมื่อเสียงข้างมากไม่รับฟังเสียงข้างน้อย หรือต้องการวีโต้กฎหมายบางฉบับ” ชินวรณ์ ระบุ

 

อิทธิพล “ประธานวิปรัฐบาล”คุมเกมสภา-ค้ำเก้าอี้ "ประยุทธ์"

           ฉะนั้นเมื่อไฟท์บังคับให้ พล.อ.ประยุทธ์เลือกประธานวิปรัฐบาลคนใหม่จึงถูกมองว่าต้องเป็นคนที่ไว้ใจ แต่ความไว้ใจนั้นไม่ใช่แค่ว่า "จะทำตามคำสั่ง” ได้เท่านั้น เพราะกระบวนการทำงานในสภา มีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากกว่านั้น โดยเฉพาะการ "หามิตร" มากกว่า "สร้างศัตรู" 

           เมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” เลือก “นิโรธ สุนทรเลขา” ส.ส.นครสวรรค์ เข้ามารับหน้าที่ “ประธานวิปรัฐบาล” จึงต้องรอวัดฝีมือว่าจะสามารถค้ำยันเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์” ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์  

อิทธิพล “ประธานวิปรัฐบาล”คุมเกมสภา-ค้ำเก้าอี้ "ประยุทธ์"