ดัน"แพทองธาร" ดับ "ประยุทธ์" เทียบฟอร์มการเมือง(ต้อง)เลือกข้าง

ดัน"แพทองธาร" ดับ "ประยุทธ์" เทียบฟอร์มการเมือง(ต้อง)เลือกข้าง

"แพทองธาร" คือแบรนด์ชินวัตรจุดเด่นที่ "ทักษิณ" กำลังเดินหมากดันลูกสาวสายตรงขึ้นมาดับกระแส "ประยุทธ์" เพราะจากนี้ไปการเมืองไทยจะถูกกระชับพื้นที่ให้เลือกข้าง

พลันที่ “โทนี่ วู้ดซัมทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทิ้งไพ่เด็ดโยนชื่อลูกสาวคนเล็ก “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร นั่งประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย สปอตไลท์ทางการเมืองจับจ้องไปที่ตัวของ “แพทองธาร” ทันที

เพราะการก้าวเข้ามามีตำแหน่งในพรรคเพื่อไทยของ “แพทองธาร” เป็นการเปิดตัวเลือดแท้ “ชินวัตร” จะมาเดินนำหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่ง “ทักษิณ” พร้อมสู้หมดหน้าตัก เพื่อกลับมาครองอำนาจรัฐ สานฝันให้ตัวเองได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง

“ทักษิณ” หวังให้ชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์จน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเครือข่าย คสช. ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ แม้จะมี 250 ส.ว. ที่คอยช่วยโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่หากเลือกมาได้ แต่ไม่สามารถบริหารประเทศได้ “ประยุทธ์-เครือข่ายคสช.” ก็ติดเดตล็อกทางการเมือง

แม้ยังต้องลุ้นว่า “ทักษิณ” จะเคาะชื่อ “แพทองธาร” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่คอการเมืองฟันธงแล้วว่า “แพทองธาร” จะอยู่ในลิสต์ 1 ใน 3 รายชื่ออย่างแน่นอน เพราะถือเป็นไม้ตายเพียงอย่างเดียวที่จะสามารถทำให้ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ชนะแบบแลนด์สไลด์ได้

“กรุงเทพธุรกิจ” จึงเทียบฟอร์ม 2 คู่แข่ง 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ โดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยืนยันแน่นอนว่าจะส่ง “พล.อ.ประยุทธ์” ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกสมัย ขณะที่พรรคเพื่อไทยทุกสายตาจับจ้องไปที่ “แพทองธาร”

เริ่มกันที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” วัยใกล้ 68 ปี ด้วยคุณลักษณะการเป็นทหารดีเยี่ยม ตามคำนิยามของโรงเรียนเตรียมทหาร คือ “ตู้ ถึก หล่อ เรียนเก่ง” และ ไม่เคยถูกตัดคะแนนความประพฤติทำให้ “นตท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผ่านการคัดเลือกให้เป็น “คอมแมนด์” หรือ นักเรียนบังคับบัญชา มีหน้าที่ดูแลปกครองนักเรียนเตรียมทหาร 5 ชั้นปี

โดย “นตท.ประยุทธ์” เป็น “คอมแมนด์” สายแดก คือการลงโทษรุ่นน้องตามความเหมาะสม แต่มีความเป็น“คอมแมนด์”สายแฟร้งค์ ผสมผสาน คือ ใจดี มีความอ่อนตัว ให้คำปรึกษาควบคู่กันไป ดังนั้น การแดกแต่ละครั้งจะมีเสียงหัวเราะ และไม่ทำให้รุ่นน้องเครียด โดยสิ่งเหล่านี้ ถือเป็นการเรียนรู้ศาสตร์การปกครองคน ที่ถูกนำมาใช้จนถึงปัจจุบันนี้

60 ปีในชีวิตรับราชการของ “พล.อ.ประยุทธ์” ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายรูปแบบ โดยเฉพาะปี 2526 ขณะติดยศร้อยเอก สังกัด ร.21 พัน 2 รอ.ได้รับคำสั่งให้นำกำลังไปสมทบกับ พ.ท.ณรงค์เดช นันทโพธิ์เดช รักษาอธิปไตยชายแดนป้องกันไม่ให้ทหารเวียดนามล้ำเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย

ดัน\"แพทองธาร\" ดับ \"ประยุทธ์\" เทียบฟอร์มการเมือง(ต้อง)เลือกข้าง

โดย “พล.อ.ประยุทธ์ ” ได้รับมอบหมายให้รักษาพื้นที่บนเขาพนมปะ แต่ถูกทหารเวียดนามเข้าล้อมและโจมตีทำให้เกิดความสูญเสีย จากนั้น ผบ .ร.21รอ.ได้ส่งกำลังไปช่วยกอบกู้สถานการณ์ที่กำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” สามารถฝ่าวงล้อมและผลักดันให้ทหารเวียดนามออกจากผืนแผ่นดินไทยโดยไม่เสียอธิปไตย

จากวีรกรรมครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ร.9) พระราชทาน เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร ที่เรียกกันติดปากว่า “เหรียญรามา” ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จนได้เป็นนักรบเหรียญกล้าหาญ หรือนักรบเหรียญรามา ควบคู่ไปกับการถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน “ทหารเสือราชินี”

ด้วยผลงานโดดเด่นและเป็น “ทหาร” มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเป็นที่สุด ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ก้าวหน้าในหน้าที่การงานเป็นผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับผู้บังคับหมวด, ผู้บังคับกองร้อย, ผู้บังคับกองพัน, ผู้บังคับการกรม, ผู้บัญชาการกองพล, แม่ทัพภาค, ผู้บัญชาการทหารบก

อีกทั้ง “พล.อ.ประยุทธ์” ยังอยู่ในช่วงที่ประเทศประสบวิกฤติและความขัดแย้งทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548 ทั้งการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯขับไล่นายทักษิณ ชินวัตร รัฐประหารปี 2549 ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ขับไล่รัฐบาลอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ น้ำท่วมใหญ่ กทม. ปี 2554  ชุมนุมกลุ่ม กปปส. ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

“พล.อ.ประยุทธ์” ได้นำประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานทั้งด้านทหารและการเมืองมาประยุกต์ใช้ ทำให้รัฐประหารปี 2557 ประสบความสำเร็จท่ามกลางเสียงสนับสนุนของประชาชนเป็นจำนวนมาก ก่อนจัดตั้งรัฐบาล คสช. บริหารงานมา 5 ปี ท่ามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน และการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงหลายครั้ง อาทิ เหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ระเบิดใกล้ท่าเรือสาทร เหตุระเบิดหลายจัวหวัดภาคใต้

แต่สุดท้าย “พล.อ.ประยุทธ์” สามารถประคับประคองสถานการณ์ จนนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งปี 2562 และได้กลับเข้ามาเป็น “นายกฯ” อีกครั้งในนามพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย คอยสนับสนุนเกื้อกูล

ท่ามกลางข้อครหาการสืบทอดอำนาจ ทำให้เกิดการรวมตัวคนรุ่นใหม่ เรียกว่า “ม็อบ 3 นิ้ว” ก่อนจะลุกลามกลายเป็น “สารพัดม็อบ” ออกมาหมุนเวียนขับไล่รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ควบคู่กับการเดินเกมในรัฐสภาของฝ่ายค้าน ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

สถานการณ์การเมืองที่ว่าหนักแล้ว ยังไม่เท่ากับ การแพร่ระบาด “โควิด-19” ที่ทำลายเศรษฐกิจ อาชีพ สุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ จนดึงคะแนนนิยม “พล.อ.ประยุทธ์” ดำดิ่งตกเหว ยังไม่นับรวมถึงความระส่ำภายใน พปชร. ทำเอา “กองเชียร์-กองแช่ง” ลุ้นกันรายวัน

ดัน\"แพทองธาร\" ดับ \"ประยุทธ์\" เทียบฟอร์มการเมือง(ต้อง)เลือกข้าง

ด้าน “แพทองธาร ชินวัตร” วัย 35 ปี สอดคล้องกับคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี

“อิ๊ง” แพทองธาร ลูกสาวคนสุดท้อง ของทักษิณและคุณหญิงพจมาน  เกิดที่สหรัฐอเมริกา และเป็นศิษย์เก่าเซนต์โยเซฟคอนเวนต์โรงเรียนเดียวกับมารดา และโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย จบปริญญาตรีในประเทศ จากรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และไปต่อปริญญาโท การบริหารจัดการโรงแรม ที่มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ อังกฤษ

พลันที่เปิดตัว ก็ถูกรับน้องด้วยข่าวข้อสอบ “เอ็นทรานซ์” รั่ว ปี 2547 ที่เธอสอบติดจุฬาฯ กลายเป็นวิวาทะในโซเชียลขณะนี้

ภาพลักษณ์ “แพทองธาร" ที่ผ่านมาอยู่ในแวดวงธุรกิจของ “ครอบครัวชินวัตร” ปัจจุบันเธอเป็นกรรมการบริษัทไม่ต่ำว่า 18 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) รวมทุนจดทะเบียนหลายพันล้านบาท และถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ณ วันที่ 12 มีนาคม 2564) ถึง 29.04% จำนวน 1,216,149,870 หุ้น หากคำนวณมูลค่าหุ้นที่เฉลี่ยหุ้นละ 3.57 บาทต่อหุ้น เท่ากับมีทรัพย์สินที่ตีจากมูลค่าหุ้นบริษัทนี้แห่งเดียวถึงกว่า 4 พันล้านบาท (สินทรัพย์รวม ณ ไตรมาส 2 ปีนี้ 46,827 ล้านบาท หนี้สินรวม 27,951 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 8,726 ล้านบาท กำไรสุทธิ 936 ล้านบาท) 

 “แพทองธาร” แต่งงานเมื่อต้นปี 2562 กับ ปิฎก สุขสวัสดิ์ นักบินบริษัท ไทย เอเวชั่น เซอร์วิส จำกัด ทายาทตระกูลธุรกิจ “สุขสวัสดิ์” เพิ่งมีลูกสาววัยไม่ถึงขวบ 

สำหรับ แพทองธารฉายแววการเมืองมากที่สุดในบรรดา 3 คนพี่น้อง บนเวทีพรรคเพื่อไทยเมื่อ 28 ต.ค. เธอถ่ายทอดโปรไฟล์ตัวเองถึงประสบการณ์ที่คุ้นเคยการเมืองเพื่อการันตีว่าพร้อมลุย แม้ยังไร้ประสบการณ์

ดัน\"แพทองธาร\" ดับ \"ประยุทธ์\" เทียบฟอร์มการเมือง(ต้อง)เลือกข้าง

“ดิฉันสัมผัสการเมืองมาตั้งแต่เด็ก ในวัย 8 ขวบ คุณพ่อดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ อายุ 9 ขวบ คุณพ่อได้เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม อายุ 12 ปี คุณพ่อได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย มีโอกาสไปช่วยหาเสียงกับคุณพ่อทุกภาค และเคยติดตามคุณพ่อไปประชุมเอเปกที่ประเทศชิลี ที่มีโอกาสได้จับมือผู้นำทุกคน”

ที่น่าสนใจ เธอเป็นตัวตั้งตัวตีใน 3 พี่น้อง ที่ให้ของขวัญผู้เป็นพ่อด้วยการทำเว็บไซต์ Thaksin official เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 72 ปี ให้สื่อสารกับแฟนคลับ และโชว์วิสัยทัศน์ 

โดยบอกเล่าถึงที่มาที่ไปว่า ความตั้งใจของลูกทั้ง 3 คน ที่มีความคิดอยากจะทำอะไรให้พ่อในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 72 ปี ซึ่งพ่อเป็นคนชอบเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการมีเว็บไซต์จะเป็นคลังข้อมูลที่สามารถเก็บเนื้อหามุมมองต่าง ๆ วิสัยทัศน์ ความรู้และประสบการณ์ของ ดร.ทักษิณ ที่ถูกต้องสมบูรณ์มากที่สุด เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ พูดคุย หาแนวความคิดใหม่ๆเพื่อร่วมกันสร้างอนาคตให้กับประเทศได้

ดังนั้น เส้นทางจากนักธุรกิจที่กำลังก้าวเข้าสู่การเมือง แม้เธอจะถูกจับตาเรื่องอ่อนประสบการณ์ แต่ต้องไม่ลืมว่า แพทองธารมีพี่เลี้ยงคนสำคัญคือผู้เป็นพ่อและแม่ รวมทั้งยังมีบรรดากุนซือการเมืองมากประสบการณ์ในพรรค ฉะนั้นงานการเมืองทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลังจึงไม่ใช่เรื่องน่าห่วงสำหรับเธอ

“แบรนด์ชินวัตร” ต่างหากคือจุดเด่นที่ทักษิณ กำลังเดินหมากดันลูกสาวสายตรงขึ้นมาดับกระแส “ประยุทธ์” เพราะจากนี้ไปการเมืองไทยจะถูกกระชับพื้นที่ให้เลือกข้าง