“เพื่อไทย” คืนประชาธิปไตยกินได้! “ภูมิธรรม” เดินหน้านโยบาย “ประชาชนนิยม”

“เพื่อไทย” คืนประชาธิปไตยกินได้! “ภูมิธรรม” เดินหน้านโยบาย “ประชาชนนิยม”

“เพื่อไทย” คืนประชาธิปไตยกินได้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ลั่นเดินหน้าสร้างสรรค์นโยบาย “ประชาชนนิยม” เปิดโอกาสลืมตาอ้าปาก-ยกระดับชีวิต “ปกป้อง ชานันท์” นักเคลื่อนไหวเพื่อความหลากหลายทางเพศ ฝากความหวัง “เพื่อไทย” สร้างการเข้าถึงสิทธิรัฐสวัสดิการอย่างเท่าเทียม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 พรรคเพื่อไทย ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น ในหัวข้อ “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ซึ่งจะเป็นการปลุกความหวัง คืนความฝันให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาธิปไตยไทยมีอุปสรรคและแรงต้านขวางพัฒนาการเป็นระยะๆ หลายครั้งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องแลกด้วยชีวิตและความสูญเสีย ซึ่งเยาวชน คนหนุ่มสาว ประชาชนคนไทยผ่านประสบการณ์ความสูญเสีย รวมทั้งตนและเพื่อนๆ อีกหลายคนในพรรคเพื่อไทยผ่านประสบการณ์นี้มาไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของชีวิต ดังนั้นประชาธิปไตยจึงมีความหมาย มีคุณค่าและมีจิตวิญญาณของผู้คนที่รักและหวงแหนในเสรีภาพและความเป็นธรรม แม้จะถูกทำลายโอกาสสักกี่ครั้ง จิตวิญญาณเหล่านี้ก็ไม่สูญสลาย ดังนั้นประชาธิปไตยสำหรับตนจึงมีความหมายมากกว่าการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองและสร้างความมั่นคงให้แก่พวกพ้อง แต่คือวิถีของอำนาจที่เป็นธรรม ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากร โอกาส ความหวังเพื่อคืนคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 

“เพื่อไทย” คืนประชาธิปไตยกินได้! “ภูมิธรรม” เดินหน้านโยบาย “ประชาชนนิยม”

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราเคยมีบทบาทและมีส่วนร่วมผลักดันรัฐธรรมนูญ’40 ที่มีหลักการประชาธิปไตยมากที่สุดและนำไปสู่การสร้างสรรค์นโยบายให้ประเทศ พรรคได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการ ‘ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน’ สร้างความตระหนักรู้กับประชาชนว่า เรามี ‘ประชาธิปไตยที่กินได้’ คือ ทุกคนมีโอกาส มีสิทธิเสรีภาพในการดำรงชีวิต มีส่วนร่วมในการนำเสนอปัญหาและร่วมแก้กับพรรคการเมือง จนกลายเป็นนโยบายที่ ‘ประชาชนนิยม’ ที่มีความสำคัญต่อการเปิดโอกาสและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ซึ่งยังคงอยู่ในใจประชาชนมายาวนานไม่ว่ารัฐบาลเผด็จการจะเข้ามามีอำนาจด้วยการรัฐประหารจะพยายามล้มเลิกนโยบายที่ ‘ประชาชนชื่นชม’ แต่ก็ไม่สามารถทำได้

“ประชาธิปไตยที่กินได้ที่พรรคเพื่อไทย มุ่งมั่นตั้งใจให้เกิดความร่วมมือกับประชาชน แม้จะถูกนำไปลอกเลียนแบบก็ทำได้เพียงเปลี่ยนชื่อ กลายร่าง เปลี่ยนผ้าคลุมภายนอกใหม่ แต่ไม่สามารถปกปิดระบบเผด็จการที่ซ่อนรูปได้ เมื่อไม่ได้เริ่มจากประโยชน์ประชาชนนโยบายที่สร้างสรรค์ก็ถูกทำให้เป็นงานประจำ ไม่ได้สร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้ประชาชน” ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

“เพื่อไทย” คืนประชาธิปไตยกินได้! “ภูมิธรรม” เดินหน้านโยบาย “ประชาชนนิยม”

นายภูมิธรรม ให้ความหมายประชาธิปไตยว่า คือวิถีชีวิต จิตวิญญาณและโอกาสที่ต้องเท่าเทียมเป็นธรรม ดังนั้นสำหรับพรรคเพื่อไทย คือ การสร้างนโยบายและโอกาสใหม่ๆ ให้ผู้คน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะ ชนชั้นหรือความหลากหลายกลุ่มใด สิทธิและศักดิ์ศรีเราเท่ากัน ประชาธิปไตยคือการจัดการทรัพยากรอย่างเป็นธรรมที่มีส่วนยกระดับการดำรงชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งประชาธิปไตยไม่ได้ตอบโจทย์มิติทางเศรษฐกิจอย่างเดียวแต่ตอบโจทย์ชีวิตและสังคม นำไปสู่การเลื่อนชั้นคุณภาพความเป็นมนุษย์ สรรหาทางเลือกใหม่ๆ ที่ทุกคนเข้าถึงการนำโอกาสไปสร้างชีวิต สร้างความสุขแก่ครอบครัวและคนที่รัก การสร้างจิตวิญญาณประชาธิปไตยคือการลงหลักปักฐานความแข็งแรงทางจิตวิญญาณของมนุษย์ เป็นกระบวนการการเพิ่มอำนาจประชาชนให้เข้มแข็ง พึ่งตนเองและดำรงชีวิตอิสระโดยไม่ถูกระรานทำร้าย ไม่ถูกเลือกปฏิบัติบนความแตกต่างใดๆ มีส่วนร่วมเลือกและกำหนดอนาคตของตนและคนในสังคมทั้งสังคมได้ตามปรารถนา ซึ่งเป็นเจตจำนงและจุดยืนของพรรคเพื่อไทยที่มีต่อ ‘ประชาธิปไตย’ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยและคนหนุ่มสาวร่วมยุคสมัยจะร่วมกันสร้างประชาธิปไตยที่คืนชีวิต คืนความหวังให้ประชาชน การดำเนินนโยบายปัจจุบันต้องให้คุณค่ากับความหลากหลายของความต้องการ รับฟังความคิดเห็นจากผู้คนที่เป็น ‘เจ้าของปัญหา’ รับเอาความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้คนจำนวนมากแล้วนำมาออกแบบกระบวนการนโยบายให้สอดคล้องและปฏิบัติได้จริง เป็นข้อท้าทายและเป็นโอกาสให้ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหาทั้งเศรษฐกิจและสังคมในมิติต่างๆ ครอบคลุมมากขึ้น

“นโยบายที่ให้ความหวังและเสริมพลังได้จริง ไม่ได้อยู่ที่ลายลักษณ์อักษร แต่อยู่ที่การนำไปปฏิบัติได้จริง เราต้องออกแบบกลไกและช่องทางการสื่อสารใหม่ๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงและผู้คนรุ่นใหม่ๆ ที่มีความรู้และทักษะชุดที่สอดคล้องกับอนาคต พลังของลูกหลานกลุ่มนี้จะส่งผลให้พลังปัจจุบันและพลังอนาคตของพรรคเกิดการเรียนรู้และร่วมแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อสร้างและธำรงให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคประชาธิปไตยที่มีชีวิต ที่ระดม รับฟังเสียง ออกแบบนโยบายเพื่อสร้างความหวังและส่งต่อพลังชีวิตแก่ผู้คนในอนาคตต่อไป นโยบายที่ดี ใครๆ ก็พูดได้ แต่พูดแล้วทำได้จริงและทำมาจนสำเร็จ เห็นประจักษ์แล้วคือ พรรคเพื่อไทย” ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว 
.
ขณะที่ ‘ชานันท์ ยอดหงษ์’ นักประวัติศาสตร์และนักเคลื่อนไหวเพื่อความหลากหลายทางเพศ ผู้เขียนหนังสือ นายในสมัยรัชกาลที่ 6 และหนังสือหลังบ้านคณะราษฎร : ความรัก ปฏิวัติและการต่อสู้ของผู้หญิง กล่าวว่า ประชาธิปไตยสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของคนทั้งสิทธิ เสรีภาพ ความรักและสัมพันธ์กับเราทุกขณะจิตแม้แต่บนเตียง และการเมืองก็ไม่ได้อยู่ที่การเคลื่อนไหวภาคประชาชนหรือในรัฐสภาเท่านั้น แต่รวมถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘การเมืองเชิงอัตลักษณ์’ คือไม่ว่าจะเป็นใคร ชาติพันธุ์ใด อยู่ภูมิภาคใด ประกอบอาชีพอะไร วัยไหน รวมทั้งเพศสภาพ เพศวิถี หญิงชาย LGBTQ ก็ได้รับผลจากนโยบายและกฎหมายไม่ต่างกัน แต่นโยบายของภาครัฐที่ผ่านมากลับมีหลายกลุ่มอัตลักษณ์ที่ยังเข้าไม่ถึงสิทธิสวัสดิการอย่างเสมอภาค ทั้งที่สวัสดิการคือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานและเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างหนึ่งของประเทศเรา ที่ผ่านมาประชาชนออกมาทวงสิทธินี้หลายครั้ง เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานแต่ถูกลิดรอนเลือกปฏิบัติโดยรัฐ โดยเฉพาะรัฐที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

นักประวัติศาสตร์ท่านนี้กล่าวว่า เกือบทศวรรษที่ผ่านมา การเมืองเชิงอัตลักษณ์เป็นประเด็นที่โลกประชาธิปไตยให้ความสำคัญ โดยเฉพาะสิทธิรัฐสวัสดิการ ความเสมอภาค เช่น สิทธิการสมรสระหว่างเพศเดียวกัน สิทธิในการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย สิทธิที่จะประกอบอาชีพบริการทางเพศอย่างถูกกฎหมาย สิทธิแรงงานที่ให้พ่อได้ลาไปเลี้ยงบุตร ไม่ใช่เป็นสิทธิลาคลอดของแม่อย่างเดียว สิทธิในการเข้าถึงผ้าอนามัยในราคาถูกหรือฟรี สิทธิที่จะเข้าถึงสาธารณูปโภคของกลุ่มผู้พิการ ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับปากท้อง คุณภาพชีวิตของประชาชนที่หลากหลาย ซึ่งการยังเข้าไม่ถึงสิทธิเหล่านี้อย่างเท่าเทียมที่ผ่านมาทำให้เสียสิทธิบางประการที่สัมพันธ์กับการดำรงชีวิต 

“พรรคเพื่อไทยที่หัวใจคือประชาชน ให้ความสำคัญกับปากท้องประชาชนเจ้าของอำนาจ ทำให้ประชาธิปไตยกินได้ ย่อมเห็นความแตกต่างหลากหลาย การให้สิทธิและเสรีภาพอย่างเสมอภาค มีศักยภาพที่จะแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างนี้ได้ ซึ่งตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย ก็สามารถทำให้เกิดรัฐสวัสดิการและนโยบายที่ไม่เคยมีใครจินตนาการได้มาก่อน เช่น หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค หรือในสมัยพรรคพลังประชาชน ก็ทำให้เกิดรถไฟรถเมล์ฟรีจากภาษีประชาชนมาแล้ว ก็น่าจะเป็นไปได้ไหมที่พรรคจะทำให้เกิดนโยบาย ‘ผ้าอนามัยฟรีจากภาษีประชาชน’  รวมไปถึงออกแบบรัฐสวัสดิการและกฎหมายที่ครอบคลุมคุ้มครองประชาชน 69.8 ล้านคน ที่รุ่มรวยอัตลักษณ์อย่างถ้วนหน้า”นักเคลื่อนไหวเพื่อความหลากหลายทางเพศกล่าวย้ำ