รัฐธรรมนูญ "ฉบับคสช." ไม่พลาด  ล็อคอำนาจ "ประยุทธ์" เกิน 8 ปี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คือ คนจัดวางยุทธศาสตร์และวางแผนให้การทำ “รัฐประหาร” เมื่อปี 2557 โค่นอำนาจเครือข่าย“ ทักษิณ ชินวัตร” จนประสบความสำเร็จกับสโลแกน “หากผมปฏิวัติ จะไม่ทำแบบบิ๊กบัง" (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คมช.)

“รัฐประหาร” ปี 2549 ล้มเหลวในสายตา “พล.อ.ประยุทธ์” เพราะไม่สามารถล้มล้างเครือข่ายทางการเมืองของ “ทักษิณ” และยังทำให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กลับมาเป็นนายกฯ ในขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองทวีความรุนแรง แบ่งแยกประชาชนเป็น 2 ฝ่าย

“พล.อ.ประยุทธ์” ใช้เวลา 5 ปีในฐานะรัฐบาล คสช. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ร่วมกันวางกลไก กติกา และออกแบบรัฐธรรมนูญปี 2560

โดยมีเป้าหมายให้ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ 2 สมัย เพราะนอกจากสานต่อภารกิจ คสช. ปฏิรูปโครงสร้างต่างๆ ของประเทศแล้ว เวลา 8 ปี และบวกอีก 5 ปียุค คสช. ถือว่ามากพอที่จะค่อยๆ ลดทอนอำนาจทางการเมือง “ทักษิณ” ที่ผูกขาดมากว่า 10 ปีต้นตอวิกฤติการเมืองให้เลือนหายจากสังคมไทย

ทั้งนี้ ข้อกฎหมายที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช. มาตรา 158 เขียนไว้ชัดว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง”

กลายเป็นประเด็นให้ “เพื่อไทย” ใช้เป็นช่องทางสกัดเก้าอี้นายกฯสมัยที่สองของ “พล.อ.ประยุทธ์” โดยเตรียมจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต เพื่อวินิจฉัยว่านายกฯ ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 170 หรือไม่อย่างไร

แม้ล่าสุด “พล.อ.ประยุทธ์ ” มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปดูข้อกฎหมายเกี่ยวกับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปี แต่ก็ไม่มีทีท่าแสดงความกังวลใดๆ เหมือนจะมั่นใจว่าประเด็นดังกล่าวไม่ทำเกิดอุปสรรคในการเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยหน้า

“ยังไม่มีคำตอบ นายกฯมอบหมายให้ไปดูเรื่องนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้ดูและยังไม่ต้องทำอะไรในเวลานี้ เพราะนายกฯ ยังไม่กำหนดให้แจ้งผลการศึกษาเวลาใด หากจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก็มีโอกาสยื่นได้ก่อนเดือน ส.ค.2565 แต่ไม่ใช่ยื่นตอนนี้ ” นายวิษณุ ระบุ

ขณะที่ นายอุดม รัฐอมฤต อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่า ถือเป็นความคิดของผู้ร่างรัฐธรรมนูญในขณะนั้นที่เห็นว่าการเป็นนายกฯของไทยในอดีต ที่เห็นชัดคือ สมัยคุณทักษิณ สะท้อนถึงการผูกขาดอำนาจ และต้องยอมรับว่า นายกฯของไทยส่วนใหญ่มาจากพรรคนายทุน ยิ่งผูกขาดมากเท่าไร ความวุ่นวายทางการเมืองก็จะมีมากขึ้น อย่าง ประเทศฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ก็ห้ามผู้นำประเทศต่อเนื่องกัน 2 สมัยเช่นกัน

ดังนั้นนายกฯที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นการเสนอชื่อโดยกระบวนการตั้งแต่ประชาชน ไม่เกี่ยวกับการเป็นนายกฯ รักษาการ หรือเป็นนายกฯ คสช. จึงไม่สามารถตีความอย่างที่พูดถึงกันอยู่ได้ ไม่อย่างนั้นคนที่เคยเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญอื่นก็ไม่เกี่ยว เขามีโอกาสมาเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญนี้ เช่น นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แม้กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้แปลว่าหมดสิทธิ์เป็น เราไม่ได้ไปกีดกั้นคนเหล่านี้

“ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ตอนนี้มีการไปนับว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตั้งแต่เริ่มรัฐธรรมนูญนี้ และเข้ามาต่อจากตอนเป็น คสช. ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลย เขาเป็นมาก่อนรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญปี 2560 จะเป็นต่อเนื่องได้ไม่เกิน 8 ปี หรือเป็นตามวาระเว้นไป หรือมาต่อ เพราะถ้าตามรัฐธรรมนูญนี้ เขาจะเป็นได้ไม่เกิน 8 ปี หรือไม่ต่อเนื่องก็นับระยะเวลาตามตำแหน่งจริงๆ ก็ไม่เกิน 8 ปี นี่คือสิ่งที่รัฐธรรมนูญนี้เขียนไว้ ไม่ใช่ว่าจะนับตั้งแต่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญ แต่ต้องเป็นตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้” อดีต กรธ. กล่าวและว่า

แต่ก็ยังไปตีความกันอีกว่า เมื่อมีรัฐธรรมนูญปี 2560 พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นนายกฯ อยู่แล้วก็นับระยะเวลาไปด้วย อย่าลืมว่าตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นนายกฯ ตามมาตรา 158 แต่เป็นนายกฯ ตามบทเฉพาะกาล ถ้ามีคนทักท้วงก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

สำหรับการนับวันเริ่มต้นความเป็น “นายกฯ” ของ“พล.อ.ประยุทธ์”กำลังเป็นที่ถกเถียงกันว่าควรเริ่มนับจากวันใดใน 3 วันต่อไปนี้ คือ 24 ส.ค.2557 ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ ครั้งแรกหลังการรัฐประหาร วันที่ 6 เม.ย.2560 เป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 และวันที่ 9 มิ.ย.2562 ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ ครั้งสอง

สุดท้ายแล้วคงต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยเพื่อหาข้อยุติว่า “พล.อ.ประยุทธ์”ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกฯหลังครบ 8 ปี ในวันที่ 23 ส.ค.2565 หรือไม่

แต่ที่แน่ๆ “พล.อ.ประยุทธ์” คือผู้เดินเกม วางแผน “รัฐประหาร” เมื่อปี 2557 สร้างระบบกลไกต่างๆ จนนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลและนั่งเป็นเก้าอี้นายกฯมาจนถึงทุกวันนี้ คงไม่ตกม้าตายเพราะรัฐธรรมนูญฉบับ คสช.