“3 ป.”รอมชอมอำนาจพลิกวิกฤติ “ประยุทธ์-อนุพงษ์” เยียวยา “ประวิตร”

“3 ป.”รอมชอมอำนาจพลิกวิกฤติ  “ประยุทธ์-อนุพงษ์” เยียวยา “ประวิตร”

“3 ป.” เคลียร์ใจ รอมชอมอำนาจ วางเกมอยู่ยาว “ประยุทธ์-อนุพงษ์” เยียวยา “ประวิตร” จ่อให้ดูแลหน่วยงานราชการระดับบิ๊กกระทรวง จับตาไฟเขียวแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจ เร่งจัดทัพ ส.ส.พลังประชารัฐ ปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค ขจัดปัญหากลุ่ม-ก๊วน

พายุทางการเมืองที่ถาโถมเข้าใส่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ก่อตัวขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้การนำของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพปชร. ก่อนจะเข้าซัดเข้าใส่ “พล.อ.ประยุทธ์” ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา

ภายหลัง “บิ๊กเนม พปชร.” เปิดดีลการเมือง รวมกำลัง ส.ส.พปชร.- ส.ส.ฝ่ายค้าน หวังโหวตล้มเก้าอี้นายกฯ ผนวกกับกระแสข่าว “บิ๊กเนมพปชร.” ขอเก้าอี้ มท.1 จาก “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของ “พี่น้อง 3 ป.”อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน

ถึงแม้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะอยู่รอดกอดเก้าอี้นายกฯ เอาไว้ได้ แต่ความสัมพันธ์ของ “พี่น้อง 3 ป.” กลับเกิดรอยร้าวลึกกว่าครั้งไหน

ปฏิบัติการปลด “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพปชร. พ้นตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ “มาดามบิ๊กอาย” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. พ้นจากตำแหน่ง รมช.แรงงาน ของ พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งทำให้ พล.อ.ประวิตรไม่พอใจ

ช่วงเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา จึงเกิดปรากฎการณ์วัดกำลัง ส.ส. ผ่านการลงพื้นที่ของทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตรโดย ส.ส.พปชร. เลือกข้างเป็นแบ็คอัพให้ พล.อ.ประวิตร ผ่านการวางเกมเกณฑ์คนของ ร.อ.ธรรมนัส ขณะเดียวกันฝั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ มีหลายกลุ่มในพปชร. คอยจัดสรร ส.ส. ลงพื้นที่เคียงข้างเพื่อแข่งบารมีเช่นกัน

ทว่า หลังวัดกำลังกันหลายยก ยิ่งทำให้กระแสข่าวยุบสภายิ่งดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆ จนบรรดาพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองทุกขั้วปรับโหมดลงพื้นที่ พร้อมเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ระฆังยังไม่ดัง

สถานการณ์ที่บานปลาย จนส่อเค้าจะเอาไม่อยู่ ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.อนุพงษ์” ต้องปิดห้องเคลียร์ใจกับ “พล.อ.ประวิตร” หลายรอบ เนื่องจากการยุบสภาไม่ใช่ทางออก และไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นประโยชน์ต่อพรรค พปชร. แต่กลับส่งผลเสียต่อเครือข่ายอำนาจของ “พี่น้อง 3 ป.” เสียเอง

โดยเงื่อนไขสำคัญของ “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.อนุพงษ์” ที่เสนอต่อพี่ใหญ่ คือต้องไม่มีชื่อของ “ร.อ.ธรรมนัส-นฤมล” อยู่ในสมการการเมือง ซึ่งสวนทางกับความต้องการของ พล.อ.ประวิตร ที่จำเป็นต้องเก็บสองคีย์แมนข้างกายเอาไว้เป็นมือไม้ ขับเคลื่อนงานในพรรคพปชร.

ทว่า เมื่อผ่านช่วงมรสุมการเมืองกระหน่ำไปได้ เวลาได้เยียวยาความสัมพันธ์ของ “พี่น้อง 3 ป.” ที่ลึกซึ้งเกินหยั่งถึง ให้เริ่มกลับมามีไมตรีที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะเมื่อตัดเรื่อง "การเมือง“ และ ”อำนาจ"ออกไป ความสัมพันธ์น้องพี่ยังแน่นแฟ้นเช่นเดิม

กระทั่ง ล่าสุดเกมการเมืองของ “พี่น้อง 3 ป.” เดินเข้าสู่โหมดการ “รอมชอมอำนาจ” เพื่อทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ในตำแหน่งนายกฯต่อไป ได้อย่างมั่นคง เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญที่รออยู่ 

หลังจากนี้ จึงต้องจับตาการเคลื่อนไหวของ “พี่น้อง 3 ป.” โดยเฉพาะการบริหารจัดการฐานอำนาจ จัดสมดุลในพรรคพปชร. ไม่ให้ เกิดปัญหา“กลุ่มการเมือง” สร้างแรงต่อรองมากจนเกินไป เพราะหากปล่อยให้มีการรวบรวม ส.ส. เข้ามาอยู่ในสังกัด หรือมีการแจกท่อน้ำเลี้ยงแบบกลุ่มก้อน ย่อมมีโอกาสที่ “ผู้นำกลุ่ม” จะเหิมเกริม คิดการณ์ใหญ่ได้อีก

ขณะเดียวกัน ได้เตรียมจัดการ “ก๊วนกบฎ” ภายในพรรค พปชร.ให้ราบคาบ โดยมีการชี้เป้าไปที่กบฎเบอร์หนึ่งที่ชื่อ “ร.อ.ธรรมนัส” ซึ่งอยู่ในลิสต์ของ “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.อนุพงษ์” ที่ต้องขจัดให้พ้นพรรค ไม่ปล่อยให้เป็นเสี้ยนหนามกลับมาทิ่มแทงตัวเอง

จากนั้นจะมีการดึง ส.ส. ภายในพรรค พปชร.มาบริหารจัดเองทั้งหมด ค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็นต้องดูแลพื้นที่ ส.ส. ต้องมีหัวจ่ายที่ยืนยันตัวตนชัดเจน ว่ามาจาก “พี่น้อง 3 ป.” เพราะที่ผ่านมา เกิดปัญหาหัวจ่ายบางรายนำท่อน้ำเลี้ยงจากกองกลางมาเคลมเป็นของตัวเอง

นอกจากนี้ จะมีการเติม ส.ส. จากพรรคการเมืองอื่นเข้ามาอยู่ในสังกัด โดยไม่จำเป็นต้องเปิดตัว ย้ายเข้าสังกัด พปชร. แต่จะใช้โมเดลเดียวกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่เลี้ยงดู ส.ส.งูเห่าเอาไว้ ทำให้การโหวตญัตติซักฟอกคะแนนของรัฐมนตรีจากพรรคภท. จึงสูงกว่ารัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่น

เมื่อ “พี่น้อง 3 ป.” บริหารจัดการภายในพรรค พปชร.แบบเบ็ดเสร็จ และคุม ส.ส.พปชร. ไม่ให้แตกแถว ชอตต่อไปที่กำลังรีบบริหารจัดการ คือการแก้ไขสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะการระดมฉีดวัคซีน ซึ่งปัจจุบันยอดการฉีดต่อวันไม่น้อยกว่า 5 แสนโดส ทำให้สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายในระดับหนึ่ง

จากนั้น “พล.อ.ประยุทธ์” จะเดินหน้าเปิดประเทศให้ได้ตามที่มุ่งหวังเอาไว้ เพื่อเปิดเมืองท่องเที่ยว พลิกฟื้นเศรษฐกิจจากติดลบให้มาอยู่ในแดนบวก เพื่อทำให้คะแนนนิยมของ “พล.อ.ประยุทธ์” มีโอกาสกลับมาพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน

ทั้งหมดเป็นหมากการเมืองที่ “พี่น้อง 3 ป.” จำเป็นต้องเดินตามแผน เพื่อรักษาฐานอำนาจต่อไป

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตา “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.อนุพงษ์” การเคลียร์ใจพี่ใหญ่ ด้วยการเยียวยา “พล.อ.ประวิตร” เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งส่วนหนึ่งมาจากปมที่ พล.อ.ประวิตร ซึ่งนั่งเก้าอี้รองนายกฯ แต่กลับไม่ได้ดูแลหน่วยงานราชการระดับบิ๊กอย่างสมศักดิ์ศรี

จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ “ 2 ป." จะเปิดทางให้ “พี่ใหญ่” มีบทบาทการบริหารหน่วยงานราชการมากขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานราชการที่เกี่ยวพันกับการดูแล ส.ส. รวมถึงการแต่งตั้งคนตามคำขอของ พล.อ.ประวิตร เพราะบรรดา ส.ส.ข้างกาย เรียกร้องให้ “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.อนุพงษ์” จัดสรรการแต่งตั้งโยกย้าย “บิ๊กข้าราชการ” ตามโควตาฝ่ายการเมือง เพราะที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนจาก ส.ส.ต่อ พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.อนุพงษ์” ที่เมินเฉยเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการจากโควตาการเมืองมาโดยตลอด

นอกจากนี้ ต้องจับตาการแต่งตั้ง “กรรมการรัฐวิสาหกิจบางหน่วยงาน” ที่อยู่ในช่วงการสรรหา โดยผู้ผ่านการคัดเลือกมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ “ตระกูลวงษ์สุวรรณ” หากไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของ “พี่น้อง 3 ป.” เกิดรอยร้าวขึ้นอีก “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.อนุพงษ์” อาจจะต้องยอมปล่อยผ่าน ไม่ล้มกระดานการแต่งตั้งดังกล่าว

ทั้งหมดคือกลเกม “รอมชอมอำนาจ” ที่ “พี่น้อง 3 ป.” เริ่มเปิดใจเคลียร์ทุกปัญหากันอย่างตรงไปตรงมา เพราะต่างก็รู้ถึงความจำเป็นในภารกิจสำคัญว่า ต้องอยู่ดูแลสถานการณ์ให้นิ่งและนานที่สุด