"นายกฯ"ปลื้มผลงาน"ป.ป.ส." ปราบยาเสพติด "สมศักดิ์"เล็งยึดทรัพย์หมื่นล้าน

"นายกฯ"ปลื้มผลงาน"ป.ป.ส." ปราบยาเสพติด "สมศักดิ์"เล็งยึดทรัพย์หมื่นล้าน

"นายกฯ" ขอบคุณทุกหน่วยงาน ยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้ 7,300 ล้าน "ป.ป.ส." โชว์ผลงานที่สุดแห่งปี UNODC ชู เป็นโมเดล ให้ประเทศอื่น "สมศักดิ์" พอใจภาพรวม เล็ง ยึดทรัพย์ให้ได้ 10,000 ล้าน ปีนี้ แบ่ง เงินรางวัล ให้ผู้ชี้เบาะแส 500 ล้าน

ที่สำนักงาน ป.ป.ส. มีการจัดงาน "ที่สุดแห่งปี : ผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปี 2564" โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายเจเรมี ดักลาส ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้บริหารระดับสูงจาก9 กระทรวง 26 หน่วยงานและ 2 ส่วนราชการ และผู้เข้าร่วมงานผ่านระบบ Zoom จาก 27 ประเทศ 43 หน่วยงานโดยก่อนเข้างานมีการคัดกรองและตรวจ ATK โดยพยาบาลวิชาชีพ และมีการจัดนิทรรศการผลงานดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

โดยในช่วงแรกนายวิชัย ได้พาชมนิทรรศการ โชว์ผลงานของการดำเนินการในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีทรัพย์สินบางส่วนที่ยึดได้นำมาแสดงด้วย เช่น ทองรูปพรรณ อาวุธปืน โดยทาง ป.ป.ส.มี 5 มาตรการหลักคือ 1.มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ มาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย มาตรการป้องกันยาเสพติด มาตรการบำบัดรักษายาเสพติด และมาตรการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ

นายเจเรมี กล่าวว่า ตนขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ ซึ่งทุกท่านถือเป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่เกิดจากปัญหายาเสพติด ถือเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน ตนทราบดีว่าทุกท่านมีความตั้งใจ มุ่งมั่น และบูรณาการร่วมกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ลดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้พวกเขาเหล่านั้น ได้อยู่ในสังคมปลอดภัยจากยาเสพติด จากการผนึกกำลังทุกภาคส่วนของสังคม ทำให้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดจนมีผลงานเด่นประจำปี 2564 และเป็นแนวทางใหม่ๆให้กับประเทศอื่นๆด้วย

"นายกฯ"ปลื้มผลงาน"ป.ป.ส." ปราบยาเสพติด "สมศักดิ์"เล็งยึดทรัพย์หมื่นล้าน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินการของป.ป.ส. ที่ผ่านมาเราดำเนินการอย่างหนัก ต้องเปลี่ยนแนวทางของการทำงานเพื่อให้ทันกับการปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส.ต้องทำงานเชิงรุก เพราะเรามีประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ 182 มาตรา และตนเชื่อว่าทีมงานของ ป.ป.ส.จะทำงานได้ จากปีที่ผ่านมาเราตั้งเป้ายึดทรัพย์ 6,000 ล้าน ซึ่งเราทำได้เกินเป้าหมายยึดได้ถึง7,346.82 ล้านบาท ซึ่งตนเชื่อว่าเมื่อมีประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่เราจะทำได้ง่ายมากขึ้นและยังได้มีการประสานงานกับต่างประเทศ เช่น DEA ของสหรัฐฯ จะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายมากขึ้นอีก กฎหมายเก่าการทำสำนวนส่งสำนวนแต่ไม่สามารถฟ้องได้ นายกฯมีคำสั่งถึงตนทำให้ชัดเจน ซึ่งตนไม่เชื่อว่าหน่วยราชการรับสินบน จึงต้องดูว่ากฎหมายมีช่องว่างอะไรหรือไม่สิ่งต่างๆเหล่านี้เราต้องศึกษาให้เกิดความชัดเจนในกฎหมายใหม่

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนดูจำนวนผู้ต้องขังในขณะนี้สถิติปี 2559 มีผู้ต้องขังคดียาเสพติด 71% ปี2562 เพิ่มขึ้นเป็น 79% และปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 82% นี่เป็นเหตุที่เราเสนอร่างกฎหมายใหม่เข้าไป ผู้ต้องขังมีจำนวนมากเราจับเท่าไรยาเสพติดก็ไม่ลด เราจึงมีแนวทางการเสนอกฎหมายปรับโทษใหม่ และเราจะยึดทรัพย์ให้หนักขึ้น ยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปี โดยเป้าหมายปีที่ผ่านมาเราวางไว้ที่ 6,000 ล้านบาท แต่ปีงบประมาณต่อไปนี้เรามีประมวลกฎหมายยาเสพติดที่แยกคดีทรัพย์และคดีอาญาออกจากกัน ซึ่งปีนี้เราขอสัก 10,000 ล้านบาท และ5% หรือ 500 ล้านบาทจะเป็นของผู้ที่ชี้เบาะแส สำหรับข้าราชการและเจ้าหน้าที่จะได้ 25% หรือ 2,500 ล้านบาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจะเอาตัวยาเป็นหลักเหมือนเดิมไม่ได้ ตรวจชี้วัดจะเปลี่ยนเป็นจำนวนทรัพย์และการใช้ พ.ร.บ.มาตรการฯ2534 และกฎหมายฟอกเงิน และเราจะดำเนินการกับ 643 เครือข่าย ผู้ค้ายา 10,073 คน ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราดำเนินการได้ ขอให้ท่านทั้งหลายช่วยแจ้งเบาะแสและมารับรางวัลตามที่เรากำหนดไว้

ทั้งนี้ ในงานได้มีการเปิดคลิปวีดีโอของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้กำลังใจและชื่นชมเจ้าหน้าที่ โดยมีใจความว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ในการทำงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือเป็นวาระสาคัญของชาติ ทุกหน่วยงานมีการบูรณาการการทางานอย่างจริงจัง ซึ่งวันนี้ต้องยอมรับว่าทุกภาคส่วนทำงาน กันอย่างเข้มข้น ทั้งตำรวจ ป.ป.ส. ภาคประชาสังคม ภาคีเครือข่ายประเทศต่าง ๆ จนการปราบปรายาเสพติด มีการพัฒนาไปมาก ในปี 2564 ทางรัฐบาลตั้งเป้าหมายยึดอายัดทรัพย์สินไว้ที่ 6,000 ล้านบาท ซึ่งในเวลานี้ เราสามารถยึดอายัดทรัพย์สินได้กว่า 7,300 ล้านบาท โดยถือว่าเราทำงานได้เกินเป้าหมายที่ได้รับปากกับประชาชนไว้ แต่สิ่งที่ต้องยอมรับในหนึ่งประเด็นคือกฏหมายยาเสพติดที่ล้าสมัยที่ใช้มายาวนานถึง 42 ปี ขณะนี้เราได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดให้ทันสมัย เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ การทำงานในปัจจุบัน จากนี้เราจะสามารถยึดอายัดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติดย้อนหลังได้ถึง 10 ปี และกฎหมายสำคัญอีกหนึ่งฉบับ ตนขอเรียกว่ากฎหมายเพื่อประชาชน นั่นคือ การปลดล็อคพืชกระท่อม ซึ่งเวลานี้ พืชชนิดดังกล่าว ไม่ได้ผิดกฎหมายอีกต่อไปหลังประชาชนต้องถูกเอาผิดในการเคี้ยวสมุนไพรชนิดนี้ยาวนานมาถึง 78 ปี และจากนี้รัฐบาลขอยืนยันว่าจะเดินหน้าผลักดันพืชกระท่อมให้เป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อทำให้เกิด รายได้ต่อไป 

อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญ คือ การพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยเท่าทันกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดทุกราย เพื่อติดตามกระบวนการค้ายาที่หันมาใช้สกุลเงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrency ในการกระทำความผิด

"สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณ 9 กระทรวง 26 หน่วยงาน และ 2 ส่วนราชการ ที่ร่วมกันบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่มีส่วนร่วมในการแก้ไข ปัญหายาเสพติด ผมขอเป็นกาลังใจให้กับทุก ๆ ท่าน ในการปฏิบัติหน้าที่ และขอให้ทุกคนมุ่งมั่น แก้ไข ขจัดภัย ยาเสพติด เพื่อความปลอดภัยของสังคมสืบต่อไป" นายกฯ กล่าว

จากนั้นนายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ผลงานภาพรวมในปีที่ผ่านมา ตนมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกหน่วยงานเน้นปฎิบัติการด้วยความตั้งใจ ซึ่งตนต้องขอบคุณ นายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการ แผนกคดียาเสพติด ส่วนของเรื่องกฎหมาย เราได้รับความร่วมมือจาก นายสาคร ตั้งวรรณวิบูลย์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งทำให้แนวทางในการบังคับใช้กฎหมายมีความชัดเจนขึ้น