วัดใจประยุทธ์ตั้ง“ปลัดฉิ่ง”นั่งรมต.-เปิดทางดีลการเมืองพรรคใหม่

วัดใจประยุทธ์ตั้ง“ปลัดฉิ่ง”นั่งรมต.-เปิดทางดีลการเมืองพรรคใหม่

ทว่าการที่ “ป.ประยุทธ์-ป.ป๊อก” จะใช้บริการ “ปลัดฉิ่ง” ก็ต้องยกระดับให้เป็นที่น่าเชื่อถือ เดินการเมืองได้อย่างมีพลัง ดังนั้นหากมีการปรับครม.ในเร็วๆนี้ แล้วมีชื่อของ “ปลัดฉิ่ง” โผล่เข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี โอกาสที่จะตั้งพรรคมีสูง

หลังจาก “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เกษียณอายุราชการเมื่อ 30 ก.ย.64 บรรดาคอการเมืองจับจ้องทุกความเคลื่อนไหว เพราะถูกผูกโยงจะเป็นมือไม้ให้ “2 ป.” เดินหน้าจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ แยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

ข่าว “ฉัตรชัย” จะตั้งพรรคการเมืองนั้น เริ่มมีคนพูดถึงมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว กระทั่ง “ผู้การชาติ” พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล เพื่อนรักของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ออกมายืนยันความเป็นไปได้เมื่อปลายเดือน ก.ย.นี้

นาทีนี้ผู้คนยังสับสนว่า “ฉัตรชัย” จะเลือกใช้บริการพรรคไหนระหว่าง "พรรคเศรษฐกิจไทย" และ "พรรคเศรษฐกิจใหม่"

ล่าสุดภายในเดือน ต.ค.นี้ มีกระแสข่าวแกนนำพรรคเศรษฐกิจใหม่ พร้อมเปิดตัวต้อนรับสมาชิกพรรคคนใหม่ชื่อ “ฉัตรชัย” โดยแวดวงการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านรับรู้กันว่า พรรคการเมืองของ “ฉัตรชัย” จะมาแบก “พล.อ.ประยุทธ์” ไปสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกสมัย

พรรคเศรษฐกิจใหม่ ปัจจุบันมีสถานะเป็นฝ่ายอิสระ มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5 คน เชียร์รัฐบาล และอีก 1 คน อยู่ทางฝ่ายค้าน

เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2563 “สุภดิช อากาศฤกษ์” รักษาการหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้ทำหนังสือ ถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เรื่องถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อทำงานอิสระตามแนวทางของพรรค

ช่วงเลือกตั้งปี 2562 “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ได้ขายฝันการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดนชาวบ้านและมีจุดยืนไม่เอาเผด็จการ จึงมีประชาชนเลือกพรรคเศรษฐกิจใหม่ จนได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 6 คน

วันนี้ “มิ่งขวัญ” ยังยืนยันจุดยืนฝ่ายประชาธิปไตย ขณะที่ สุภดิช อากาศฤกษ์ นิยม วิวรรธนดิฐกุล ภาสกร เงินเจริญกุล,มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ และมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ให้การสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล

กระแสข่าวอีกทาง พรรคเศรษฐกิจไทยที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นพรรคของ “ฉัตรชัย” มาตั้งแต่แรก มีการดำเนินการจดทะเบียนตั้งพรรคการเมือง ลำดับที่ 73 เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2563 คณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรก 18 คน “ประสงค์ วรารัตนกุล” เป็นหัวหน้าพรรค “เมธาวี เนตรไสว” เป็นเลขาธิการพรรค​

สำนักงาน กกต.เผยแพร่ข้อมูลพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการอยู่ เมื่อ 8 ก.ย.2564 พบชื่อ “รัชนี ศิวเวชช” รองหัวหน้าพรรค ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย และ “เมธาวี เนตรไสว” เป็นเลขาธิการพรรค เหลือกรรมการบริหารพรรค 13 คน

ปัจจุบันพรรคเศรษฐกิจไทย มีสมาชิก 8,759 ราย มีสาขาพรรค 7 แห่ง ส่วนที่ตั้งพรรคอยู่ในซอยมหาดเล็กหลวง 3 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.

โดยชื่อพรรคเศรษฐกิจไทย อาจถูกเปลี่ยนในภายหลัง ซึ่งแกนนำพรรคตัวจริงกำลังคิดชื่อพรรคใหม่อยู่ และที่สำคัญต้องรอให้ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดมหาดไทย เกษียณอายุราชการเสียก่อน จึงจะมีการเคลื่อนทัพเต็มตัว

การประชุมจัดตั้งสาขาพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ภาคเหนือ เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2563 มีผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 500 คน โดย อรรถชา กัมปนาทแสนยากร ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าสาขาพรรค ซึ่งอรรถชา เป็นอดีตนายอำเภอแม่ริม และอำเภอดอยสะเก็ด

สีสันของการประชุมหนนั้นคือ การปรากฏตัวของ “แม่เลี้ยง ว.” นักธุรกิจด้านพลังงาน มีชื่อเสียงในเชียงใหม่ และลำพูน นักการเมืองสายเพื่อไทย รู้จักมักคุ้นแม่เลี้ยง ว.เป็นอย่างดี

ที่น่าสนใจ “รัชนี ศิวเวชช” รองหัวหน้าพรรค ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพรรค มีความสัมพันธ์กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคใหญ่พรรคหนึ่ง ซึ่งบุคคลคนนี้เป็นนักธุรกิจใหญ่ ถูกเชิญเข้าไปอยู่พรรคเก่าแก่ในฐานะผู้สนับสนุนรายใหญ่

นอกจากนี้พบความเคลื่อนไหวของ “อดีตผู้ว่าฯคนดัง” แถวอีสานใต้ เป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย และมีการดำเนินการประชุมจัดตั้งสาขาพรรคครบทั้ง 4 ภาค

แกนนำตัวจริงพรรคเศรษฐกิจใหม่ กับพรรคเศรษฐกิจไทย ต่างก็รู้จักกันดี ไม่ว่า “ฉัตรชัย” จะเลือกพรรคไหน ก็รับประกันหนุน “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯอย่างแน่นอน

แต่ไม่ว่า “ฉัตรชัย” จะขยับตัวเองไปขับเคลื่อนพรรคใด ย่อมต้องรอไฟเขียวจาก “ป.ประยุทธ์-ป.ป๊อก” ก่อน หากได้รับสัญญาณเมื่อไร “ฉัตรชัย” พร้อมลุยทันที แม้จะมีเสียงปรามาสว่าการทำพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ยี่ห้อ “ป.ประยุทธ์-ป.ป๊อก” ดึงดูด “นักการเมือง” ให้เข้ามาร่วมก่อตั้งพรรคได้ไม่ยาก

เนื่องจากการหลังเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วเสร็จ เมื่อเข้าสู้ขั้นตอนการโหวตเลือกผู้ดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ส.ว. 250 เสียง ยังมีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยรู้กันดีว่า 250 ส.ว. ขอแค่ “ป.ประยุทธ์” กระซิบเบาก็พร้อมเทเสียงให้

ทว่าการที่ “ป.ประยุทธ์-ป.ป๊อก” จะใช้บริการ “ฉัตรชัย” ก็ต้องยกระดับตัวของ “ฉัตรชัย” ให้เป็นที่น่าเชื่อถือ เดินการเมืองได้อย่างมีพลัง ดังนั้นหากมีการปรับครม.ในเร็วๆนี้ แล้วมีชื่อของ “ฉัตรชัย” โผล่เข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี โอกาสที่จะตั้งพรรคมีสูง

ในทางตรงกันข้ามหากมีการปรับครม. แต่ไร้ชื่อ “ฉัตรชัย” เข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี โอกาสที่จะตั้งพรรคก็เหลือน้อยเต็มทน เพราะหาก “ฉัตรชัย” ไม่มีหัวโขน ก็ไม่มี “นักการเมือง” คนไหนให้เครดิต จนย้ายค่ายมาร่วมหัวจมท้ายด้วย

ดังนั้น “พรรคปลัดฉิ่ง” จะคลอด-จะแท้ง อยู่ที่การปรับครม.ที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้