รัฐบาลมีหน้าที่หยุด ‘น้ำท่วม’ เกินจริง

รัฐบาลมีหน้าที่หยุด ‘น้ำท่วม’ เกินจริง

ครั้งนี้ ฝนตกใต้เขื่อน เจอพายุแค่ลูกเดียว เขื่อนหลักๆ ขณะนี้ ยังมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่มากโดยเฉลี่ย 50% รัฐบาลต้องใช้ข้อมูลทางวิชาการ ชี้แจงกับประชาชนโดยด่วน หากไม่รีบแก้ไขนำน้ำมาดับไฟที่ต้นตอ อาจจะล่มก่อนเวลาที่ควรก็เป็นได้

วานนี้ (29 ก.ย.64) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานความคืบหน้าพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ซึ่งเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมเข้าปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.เป็นต้นมา พบว่ามี 30 จังหวัด ได้เกิด น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก กินพื้นที่ 172 อำเภอ 805 ตำบล 4,715 หมู่บ้าน 1 เขตเทศบาล ประชาชนได้รับผลกระทบ 197,795 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย อย่างไรก็ดี ล่าสุดคลี่คลายแล้ว 13 จังหวัด

 

ปรากฏการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนที่ติดตามข่าวสารว่าจะเกิดกระแสน้ำท่วมใหญ่เท่ากับเมื่อปี 2554 ภาพเหตุการณ์ในพื้นที่สุโขทัย ชัยภูมิ นครราชสีมาและจังหวัดใกล้ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตามหน้าสื่อ ตอกย้ำว่าสถานการณ์ปีนี้ จะท่วมซ้ำรอยเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างแน่นอน ยิ่งภาครัฐ นอกจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ข่าวสารที่ประชาชนจะหาได้ มีเพียงเว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่รายงานข้อมูลเบื้องต้น ฝนตกหนักในภาคกลาง ทำให้มวลน้ำไหลมาที่เขื่อนเจ้าพระยา คาดการณ์ว่าจะมีพายุเข้ามาอีกลูก หลังวันที่ 10 ต.ค.

 

เราเห็นว่า ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในรัฐบาลหรือโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วันนี้ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงหรือทำความเข้าใจให้สังคมหายตื่นตูมด้วยการใช้ข้อมูลทางวิชาการ กลับไปมุ่งตอบโต้ดราม่า เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถูกสื่อโจมตีเรื่องการให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมน้ำท่วมใน จ.สุโขทัย ประโยคที่พูดกับประชาชนว่า ขอให้ช่วยกันสวดมนต์ อย่าให้พายุเข้ามาอีก ได้มีการนำไปเป็นประเด็นหลักและขยายความ จนเกิดกระแสโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ 4-5 ติดต่อกัน

 

วันนี้ รัฐบาลยังไม่อาจหยุดกระแสคนกรุงกลัวน้ำท่วม ส่วนหนึ่งเกิดจากคนรอบข้างนายกรัฐมนตรี วิ่งแก้เกมทางการเมืองมากกว่าการให้ข้อมูลพายุกับระดับน้ำในเขื่อน การตอบโต้สาดโคลนด้วยการงัดข้อมูลในปี 2554 ภายใต้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีการทำพิธีไล่น้ำท่วม ที่วัดพระแก้ว ยิ่งกระพือไฟดราม่าเกมการเมือง ไม่มีประโยชน์และยังเบียดเบียนเวลาแก้ปัญหาอุทกภัย ปิดโอกาสคนไทยในการรับข้อมูลที่ควรจะได้ ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงเรื่องน้ำท่วม ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการยืนยันตรงกันแล้วว่า ครั้งนี้ ยังห่างไกลวิกฤติปี2554

เมื่อปี2554 ประเทศไทยเจอพายุ 4-5 ลูก ติดต่อกันทั้งปี เป็นการตกเหนือเขื่อน เริ่มจากเดือน มี.ค.เกิดฝนตกหนัก และตกหนักซ้ำในเดือนมิ.ย. ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเกือบเต็มเขื่อนหลักๆ ทางภาคเหนือ หรือสูงกว่า 90% จำเป็นต้องระบายน้ำออกลงมา ส่วนครั้งนี้ ฝนตกใต้เขื่อน เจอพายุแค่ลูกเดียว ที่สำคัญเขื่อนหลักๆ ขณะนี้ ยังมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่มากหรือโดยเฉลี่ย 50% เราเห็นว่ารัฐบาลต้องใช้ข้อมูลทางวิชาการ ชี้แจงกับประชาชนโดยด่วน หากไม่รีบแก้ไขนำน้ำมาดับไฟที่ต้นตอ นาวาประยุทธ์ อาจจะล่มก่อนเวลาที่ควร ก็เป็นได้