"ดีเอสไอ" แจ้งผลสอบ "ศรีพันวา" ส่อออกเอกสารสิทธิที่ดินมิชอบ

"ดีเอสไอ" แจ้งผลสอบ "ศรีพันวา" ส่อออกเอกสารสิทธิที่ดินมิชอบ

"ดีเอสไอ" เตรียมส่งข้อมูลการสืบสวนให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนการออกเอกสารสิทธิ "ศรีพันวา" หลังพบออกเอกสารสิทธิมิชอบ พร้อม ส่ง ป.ป.ช. เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่

25 ก.ย.2564 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กถึงความคืบหน้ากรณีการยื่นสอบสวนเอกสารสิทธิของโครงการศรีพันวา ระบุว่า ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งผลการสอบสวนแล้ว พบข้อมูล อาจเป็นการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยไม่ชอบ โดยระบุว่า จำกันได้ไหม วันที่ 25 กันยายน 2563 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิของโครงการศรีพันวา ที่จังหวัดภูเก็ต

ในวันนี้ 25 กันยายน 2564 นายวีระได้รับหนังสือแจ้งผลการดำเนินการจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ นับว่าเป็นข่าวดีมาก ตรงกับที่นายวีระและประชาชนทั่วไปเชื่อว่าการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิของโครงการศรีพันวาน่าจะออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น กรมสอบสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบแล้ว ก็เชื่อว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน ซึ่งสรุปได้ว่า

1. ในส่วนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิน่าเชื่อได้ว่าการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) หรือสืบเนื่องในชั้นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) อาจเป็นการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ส่งข้อมูลการสืบสวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว รวมถึงได้ส่งข้อมูลการสืบสวนให้กรมที่ดิน เพื่อดำเนินการเพิกถอนการออกเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 แล้ว

สำหรับกรณีที่ดินบางส่วนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 35 ตารางวา ซึ่งทางโครงการศรีพันวาใช้ประโยชน์เป็นสระว่ายน้ำ และทางขึ้นลงชายหาดพันวาฯ เป็นพื้นที่ป่าตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม่ พ.ศ.2484 ดังนั้น ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ส่งข้อมูลการสืบสวนให้กรมป่าไม้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

 

นอกจากนี้การใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (15) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 อีกด้วย ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงส่งข้อมูลการสืบสวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป