จับตา“ประยุทธ์”ยึดพปชร.? รื้อโครงสร้าง-ปรับครม.

จับตา“ประยุทธ์”ยึดพปชร.? รื้อโครงสร้าง-ปรับครม.

"การปรับครม.จะไม่ใช่การปรับเล็ก แต่จะปรับเพื่อนำไปสู่ชัยชนะการเลือกตั้ง ฉะนั้นผู้ที่จะเข้ามาจะมีทั้งนักการเมือง และคนที่สามารถเข้ามาบริหารจัดการ เพื่อนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งได้”

2 ปรากฏการณ์ที่ถูกมองว่า อาจเป็นจุดพลิกเกมการเมืองไทยครั้งสำคัญ 1 ผลพวงจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่กลายเป็นศึกภายในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่เล่นกันแรงถึงขั้นคว่ำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนนำไปสู่การปลดฟ้าผ่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขา พปชร.ออกจาก รมช.เกษตรฯ เสมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ประกาศยึดพรรค จาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แล้ว ปรากฏการณ์ที่ 2 ก็คือ แก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ที่รัฐสภาเห็นชอบเปลี่ยนกติกามาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในภาพใหญ่

ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ พูดคุยกับ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย และ ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ร่วมวิเคราะห์จุดพลิกเกมที่สำคัญนี้ ในรายการสุดกับหมาแก่ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2564 ทาง Nation TV 22

ผู้ดำเนินรายการถามว่า กรณีการยึดอำนาจ พปชร. โดย พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค หลังจากนี้จะเดินเกมการเมืองต่ออย่างไร ระหว่างปล่อยให้ พปชร.ตายซาก แล้วไปสร้างพรรคใหม่รองรับไว้ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้าไปเทคโอเวอร์ พปชร.แล้วเข้าไปบริหารจัดการภายในพรรค

ดร.ธนพร ศรียากูล มองว่า “พูดตรงๆ ถ้ามาอย่างนี้ มันก็อยู่บนความคิดที่ว่าพรรคพึ่งลุง ลุงไม่ได้พึ่งพรรค แปลว่าวันนี้การมีอยู่ของพรรคพลังประชารัฐอยู่ได้เพราะบารมีของนายกฯ เพราะฉะนั้นแล้ว นายกฯ จะเข้าไปเทคโอเวอร์เต็มรูปแบบ ส่วนจะในรูปแบบไหน ต้องติดตามดูกันต่อ”

"พล.อ.ประวิตร ก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคต่อ แต่ต้องเปลี่ยนทีมใหม่หมด เลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรค นายทะเบียนสมาชิกพรรค ต้องเปลี่ยนเพราะ 3 ตำแหน่งนี้ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ออกแบบให้เป็นผู้มีบทบาทในการดำเนินกิจการพรรคการเมือง มีผลได้เสียในทางกฎหมายของทุกพรรคการเมือง 

คำถามเดียวกัน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร มองว่า เสนาธิการต่างๆ ที่ตัดสินใจที่จริงอยู่ที่ตัวนายกฯ คนเดียวเป็นหลักเชื่อว่าเป็นแผนฉุกเฉินเฉพาะหน้า และค่อยเดินไปตามสถานการณ์ คนที่ทำให้มีปัญหาจริงๆ คือตัวนายกฯ และจะลามไปถึง มท.1 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ฉะนั้นตัวคีย์หลัก คือแค่ 2 คน แต่ส่วนคนอื่นคือองค์ประกอบ ซึ่งมีฐานของวุฒิสมาชิกมาประกอบด้วย

“ ตอนนี้เห็นที่มาที่ไปของพรรคนี้ว่าเป็นอย่างไรแล้ว ซึ่งบารมีและความเป็นไปได้ยังอยู่ที่ พล.อ.ประวิตร ขณะเดียวกันต้องดูย้อนกลับไป ในช่วงที่ผ่านมา นายกฯ ไม่เคยเชื่อมั่นในนักการเมือง แต่อยู่มาได้เพราะพล.อ.ประวิตรเป็นคนบริหารจัดการให้ แม้กระทั่งลึกๆ พล.อ.ประวิตร กับนักการเมืองเองก็ไม่วางใจกัน เราจะเห็นทั้ง 3 ป.ไม่เคยมีใครไว้วางใจนักการเมือง แต่มันมีสภาพการใช้อำนาจพิเศษมาบูรณาการ เพราะฉะนั้นตรงนี้เราจะเห็นชัด แม้กระทั่งพล.อ.ประวิตร ก็กลับมาใช้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะนักการเมือง แต่มันมีอีกนัยหนึ่งคือ ในฐานะรุ่นน้อง รุ่นพี่กัน”

“ตรงนี้ถ้าจะมองว่าเค้าจะทำพรรค พปชร.ต่อหรือไม่ คิดว่าเขาคงไม่มั่นใจ แต่ในสภาพตอนต้นมันจำเป็น เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าพรรคที่จะต้องจดทะเบียน เพื่อเดินในจังหวะที่สถานการณ์เกิดเหตุฉุกเฉิน พลิกผัน พรรคการเมืองใหม่คงเตรียมตัวไม่ทัน ถ้าเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น จนวิกฤติถึงต้องยุบสภา หรือพรรคใหม่เกิดไม่ทัน หรือเกิดแล้วแต่องค์ประกอบยังหาสมาชิกลงเลือกตั้งไม่ทัน เชื่อว่าขณะนี้ 3 ป.ไม่เหมือนเดิม ไม่ไว้วางใจกันระหว่างพี่น้อง” 

เมื่อถามว่า แม้จะให้พี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค พปชร.ต่อ แต่กลไกอำนาจจะต้องไปอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ พอเห็นภาพทีมของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะส่งเข้าไปภายใน พปชร.หรือไม่ พล.ท.ภราดร ระบุว่า “ขณะนี้ยังไม่เห็น เชื่อว่าเขายังคงต้องใช้บริการกลุ่มอำนาจเดิม ที่อยู่ตรงข้ามกับสายพล.อ.ประวิตร มันเป็นความจำเป็น ซึ่งจริงๆ แล้วศัตรูเดิมเขาก็เป็นมิตรกัน ที่จริงเขาจะลงตัวกันแล้ว แต่พอดีมันยังไม่ได้จังหวะก็เลยทำให้ฝ่ายธรรมนัสเพลี่ยงพล้ำไป”

ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ตอบข้อถามถึงการหักกันระหว่าง ป.ประยุทธ์ กับ ป.ประวิตร ครั้งนี้ทำให้พาวเวอร์ฟูล และเรตติ้งของพล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมาทันที มองอย่างนั้นหรือไม่ว่า ในฐานะที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็ต้องยอมรับความจริงว่า เมื่อตัวนายกฯเองยังไม่มีจุดบกพร่องสำคัญ แม้จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจมา 2 ครั้งแล้ว จึงเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เวลามีปัญหาแล้วนายกฯ ต้องตัดสินใจภายในพรรค พปชร.ทำให้มีความกล้าหาญโดยใช้ ม.171 ฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้ การที่จะหลีกเลี่ยงไม่เข้ามาดูพรรคพลังประชารัฐ จึงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะพล.อ.ประยุทธ์มาจากพรรคการเมือง มาจากการเลือกตั้ง คือที่มาที่ทำให้เกิดรัฐบาลร่วมกัน

ขณะนี้ก็ต้องดูว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์มีความมั่นใจในการบริหารจัดการปัญหาภายนอก โดยข้อจำกัดในเรื่องที่ตัวเองถูกกล่าวหา การบริหารจัดการวิกฤติ 3 ข้อ เศรษฐกิจ โรคระบาด การเมือง หากจัดการได้ ก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น

ผู้ดำเนินรายการได้ถาม ถึงการอ่านเกมปรับ ครม.ของนายกฯ อย่างไร ดร.ธนพร ระบุว่า “ไม่ปรับเร็ว จะต้องรอเวลาอีก 15 วัน ถึงวันที่ 1 ต.ค.2564 ก่อน เพื่อให้ใครบางคนเกษียณ เพราะวันนี้นายกฯ มีพาวเวอร์ฟูลทางการเมืองแล้ว มี 250 ส.ว.เป็นกำแพงแรงหนุนหลังยุบสภา จึงต้องมั่นใจว่าได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก ฉะนั้นการปรับครม.ครั้งนี้จึงต้องตอบโจทย์ในเชิงการเมือง เชิงการบริหาร ซึ่งฟันธงเลยว่าใน 2 ตำแหน่งใหม่ จะต้องตอบโจทย์ทางการเมืองและได้แต้มทางการบริหารด้วย”

“และเชื่อว่า 2 รมต.ใหม่จะไม่ใช่นักการเมือง เพราะนายกฯ เพิ่งได้แต้มการเมืองจากปลด รมต.ที่สังคมสงสัย เคยถูกอภิปรายหลายเรื่อง ฉะนั้นคนเข้ามาใหม่ถ้าเป็นมืออาชีพ แต่ทำงานการเมืองได้ เช่น ปลัดฉิ่ง ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดมหาดไทย ซึ่งก็เคยมีตำนานเรื่องแบบนี้สมัยนายกฯทักษิณ ที่ดึงปลัดเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช มาเป็น รมช.มหาดไทย อีกคนนายกฯ คงต้องการมืออย่าง พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ เลขา สมช.ที่ช่วยงาน ศบค.ถ้าบริหารจัดการวัคซีนโควิดที่ไหลมาเทมาในช่วงปลายปีนี้ได้ดีก็จะได้แต้ม เพราะอย่างน้อยที่สุด “บิ๊กเล็ก” ณัฐพล ก็ไปคานอำนาจกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนำโดยนักการเมืองอันนี้ชัดเจน ถ้าไม่มีบิ๊กเล็กหนักกว่านี้ ถ้าปล่อยให้ รมว.อนุทิน รับผิดชอบในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อฯ งานอยู่ในมือโดยอิสระลำพัง จะเละกว่านี้ สำหรับบิ๊กเล็ก ตำแหน่งในสำนักนายกฯ เพื่อช่วยงาน ศบค.ต่อก็มีความเป็นไปได้” 

ขณะที่ นายชินวรณ์ ตอบข้อถามเรื่องปรับครม.ว่า “ในส่วนของประชาธิปัตย์ยังไม่มีสัญญาณจากนายกฯ รมช.สาธารณสุขของพรรค สาธิต ปิตุเตชะก็ทำหน้าที่ได้ดี ในการสนองตอบนโยบายนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ประชาธิปัตย์ก็ยังไม่เห็นความจำเป็น ก็ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา” เมื่อถามย้ำว่า หากนายกฯจะทุบจริงๆต้องยอมไหม นายชินวรณ์ กล่าวว่า “ก็ต้องคุยกัน”

ด้าน พล.ท.ภราดร อ่านเกมปรับ ครม.ว่า เชื่อว่าสุดท้ายปลายทาง การเมืองกำลังจะเดินไปสู่การเลือกตั้ง เพราะงบฯ 65 ผ่านแล้ว การแต่งตั้งข้าราชการเสร็จ รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านเหลือแค่รายละเอียดกฎหมายประกอบ “ฉะนั้นจะไม่ใช่การปรับเล็ก แต่จะปรับเพื่อนำไปสู่ชัยชนะการเลือกตั้ง ฉะนั้นผู้ที่จะเข้ามาจะมีทั้งนักการเมือง และคนที่สามารถเข้ามาบริหารจัดการ เพื่อนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งได้”

ส่วนนักการเมืองก็คงต้องมาตกลงกันก่อนว่า การคาดการณ์การเมืองในอนาคต จะเป็นรัฐบาลร่วมกันไหม แต่สาระสำคัญจริงๆ อยู่ที่ตัวนายกฯว่า ต้องได้อำนาจต่อ แล้วจะร่วมกับใคร ฉะนั้นการการปรับ ครม.คราวนี้ แค่ 2 ตำแหน่งคงไม่ใช่ แต่จะลามไปปรับใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อไปสู่การเลือกตั้ง และได้ชัยชนะ ซึ่งก็มีสัญญาณการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเป็นการวัดกระแสปลายปีนี้แล้ว ขณะที่การยุบสภา จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุการเมิืองขึ้นได้ตลอด