ยื่น ป.ป.ช. สอบบิ๊ก พม.ปมทุจริตเคหะประชาสุข

ยื่น ป.ป.ช. สอบบิ๊ก พม.ปมทุจริตเคหะประชาสุข

ปธ.กมธ.กิจการศาลฯ ยื่น ป.ป.ช.สอบผู้บริหาร พม. กล่าวหาทุจริต "เคหะสุขประชา" โอดหวังพึ่ง รบ. "ประยุทธ์" ปราบโกงคงฝันไปหลังส่งเรื่องให้สอบแต่ตั้งลูกพี่สอบลูกน้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2564ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พร้อมแนบพยานหลักฐานและเอกสารรายงานผลการสอบหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการฯ กรณีการละเมิดกฎหมายสำคัญของหน่วยงานภายใต้สังกัดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ ,ผู้บริหารกระทรวง ,ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ,รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินโครงการบ้านเคหะสุขประชา ที่มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หลีกเลี่ยงกฎหมายหลายฉบับ โดยมีเจตนาไม่สุจริต  ซึ่งคณะกรรมาธิการได้ใช้เวลาสืบสวนสอบสวนนานกว่า 5 เดือน ทั้งการตรวจสอบเอกสารเชิงลึก พยานเอกสารบุคคล การลงพื้นที่และประชุมกับส่วนงานที่เกี่ยวข้อง จนสามารถสรุปเป็นเหตุผลสำคัญ ในการดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้

นายจิรายุ กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับรัฐบาลนี้ โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้นายกรัฐมนตรี เพื่อตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแต่ก็ไม่สามารถพึ่งหวังนายกรัฐมนตรีได้ เพราะนายกฯ กลับมีบัญชา ตอบหนังสือมายังตนว่าได้ตั้ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นประธานตรวจสอบนายจุติ ไกรฤกษ์ ลูกพรรคของตนเอง และนายจุรินทร์ ก็ยังอยู่ในสำนวนของกมธ. จึงไม่อาจไว้วางในความโปร่งใสของรัฐบาลนี้ได้ ตนจึงต้องมายื่น เรื่องตรงให้กับ ปปช. เพื่อตั้งคณะอนุฯ ขึ้นมาไต่สวนในประเด็นดังนี้ 

 

1.การจัดทำโครงการเคหะสุขประชาของการเคหะฯ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กว่า 1 แสนหน่วย มูลค่าเกือบแสนล้านบาทที่เสนอเพื่อทราบ แต่ไม่มีการอนุมัตินั้นไม่ใช่โครงการที่ช่วยประชาชนในสถานการณ์โควิด เพราะเป็นโครงการที่ตนเชื่อว่าไม่สุจริตของกลุ่มคนบางกลุ่ม เพราะหาก ครม.อนุมัติ ให้ทำก็จะใช้เวลา 6-7 ปีข้างหน้า ราวปี2570 ซึ่งไม่สามารถบรรเทาทุกข์สถานการณ์โควิดในปัจจุบันได้

 

2.มีการลักไก่แอบใช้ แค่ "ครม.รับทราบ" ไปทำโครงการนำร่อง 2 แห่งทั้งๆ ที่ ครม. ยังไม่ได้อนุมัติ แต่กลับไปทำ ทั้งๆที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่มีขออนุญาตก่อสร้าง ,ไม่ทำตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ขัดต่อกฎหมายหลายฉบับ

3.ผู้บริหารกระทรวงฯ และการเคหะฯ มีเจตนาพิเศษ ได้กระทำการผิดกฎหมาย หลายบทหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระ ไปจ้างเอกชนถมดินรอไว้ทั่วประเทศมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท ทั้งๆที่ ครม. ยังไม่อนุมัติโครงการ และการจ้างเอกชน ผู้รับงานอย่างผิดกฎหมาย           

 

4.ผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และการเคหะฯใช้กฎหมายเลี่ยงการตรวจสอบ เอื้อประโยชน์พวกพ้อง จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีเจตนาพิเศษ ไปแก้วัตถุประสงค์บริษัทลูก ของ กคช.โดยไม่ขอมติ ครม. เพื่อมารับงานถมดิน อย่างผิดกฎหมาย   

 

5.รัฐมนตรี และผู้บริหารกระทรวงรู้เห็นเป็นใจ ให้การเคหะฯ จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่โดยไม่ขอมติ ครม. และนำมารับงานของการเคหะฯ อันมีผลประโยชน์ทับซ้อน  

       

ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และการเคหะแห่งชาติตพร้อมส่งพยานหลักฐานที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อลดภาระองค์กรอิสระ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของ ปปช.ในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งพยานหลักฐานการสืบหาข้อเท็จจริงนี้ค่อนข้างครบสมบูรณ์