‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ ฟางเส้นสุดท้าย แยกกันเดิน‘ไม่ร่วมกันตี’

‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ ฟางเส้นสุดท้าย   แยกกันเดิน‘ไม่ร่วมกันตี’

รอยร้าวระหว่าง "เพื่อไทย" และ "ก้าวไกล" ยามนี้ ทำท่าว่าจะกลายเป็น "ฟางเส้นสุดท้าย" ที่กำลังส่งสัญญาณในการ “แยกกันเดิน-ไม่ร่วมกันตี”

กลายเป็นรอยร้าวที่ยากเกินเยียวยาสำหรับพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่าง “เพื่อไทย” และ “ก้าวไกล” ล่าสุดเป็นกรณีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และรัฐมนตรีอีก 5 คน 

แต่กลับไร้ชื่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ อยู่ในบัญชีซักฟอก ทั้งที่มีการเปิดเผยรายชื่อมาก่อนหน้านี้ นำมาซึ่งความคลางแคลงใจระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน

ฟาก “พรรคก้าวไกล” ตั้งคำถามตัวโตๆ ถึง “ดีลพิเศษ” ที่อาจทำให้ชื่อของบิ๊กป้อม และ ร.อ.ธรรมนัส หลุดรอดศึกซักฟอก โดยเฉพาะข้อแลกเปลี่ยน ที่นำไปสู่การปูทางสู่การจับมือกันระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” และ “พลังประชารัฐ”  หากในอนาคต “พล.อ.ประยุทธ์” ตัดสินใจลาออกและเก้าอี้รัฐมนตรีว่างลง 

แม้แต่พรรคเพื่อไทย อาทิ “สุทิน คลังแสง” ประธานวิปฝ่ายค้าน ยังยอมรับว่า มีการล็อบบี้จากทางฝั่งรัฐบาลเพื่อไม่ให้อภิปรายพล.อ.ประวิตรจริง แต่ทั้งหมดคงต้องยึดมติ “กระบวนการกลุ่ม” เมื่อพิจารณาแล้วไร้ซึ่งข้อมูลที่มีน้ำหนักเพียงพอ จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ยื่นอภิปราย

อันที่จริงรอยร้าว “เพื่อไทย” และ “ก้าวไกล” จากศึกซักฟอก ก็ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก  หากยังจำกันได้เมื่อครั้งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกในรัฐบาลประยุทธ์ เมื่อช่วงต้นปี 63 

ครั้งนั้น ได้เกิดร้อยร้าวระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” และ “อนาคตใหม่” หรือ “ก้าวไกล”  ในปัจจุบัน หลังพี่น้อง 2 ป.ทั้ง  “ป.ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย และ “ป.ป้อม” พล.อ.ประวิตร ซึ่งถูกเสนอชื่อ แต่กลับรอดซักฟอกไปอย่างหวุดหวิด

ท่ามกลางเสียงทวงถามจาก ส.ส.อนาคตใหม่ ขณะนั้น ที่ตั้งคำถามถึงเกมฮั้วระหว่าง“เพื่อไทย” และรัฐบาล ที่เริ่มส่งสัญญาณเรื่อง “คุณขอมา” ถอนชื่อ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่เสนอญัตติ กระทั่งการสลับสลับเปลี่ยนตัวผู้อภิปราย

ย้ำชัดจากเกมถ่วงเวลา หลังเพื่อไทยวางตัวเจ้าของฉายา “รถถังเบรกแตก” อย่าง ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายคนเดียวปาไป 3 ชั่วโมงรวด จนจวนเจียนเดดไลน์ที่ "วิปรัฐบาล-วิปฝ่ายค้าน" ตกลงกัน ทั้งที่เหลือรัฐมนตรีอีก 2 คนคือ “บิ๊กป้อม”และ “บิ๊กป๊อก” ที่ยังไม่ถูกอภิปราย ก่อนที่รัฐบาลจะชิงเกมเสนอปิดประชุม

ทำให้ส.ส.อนาคตใหม่เวลานั้น ต้องงัดแผนสองอภิปรายนอกสภาฯ พุ่งเป้าไปที่มูลนิธิป่ารอยต่อ เซฟเฮ้าสำคัญของพล.อ.ประวิตรในท้ายที่สุด

ไม่ต่างไปจาก  “ร.อ.ธรรมนัส” ที่รอบนี้ไร้ชื่อถูกอภิปราย เพราะอย่างที่รู้กันทั้งบางว่า ตัว ร.อ.ธรรมนัส เองก็มีความสนิทสนมกับแกนนำเพื่อไทย แม้เวลานี้จะต่างพรรคแต่ก็ตัดไม่ตายขายไม่ขาด

ถึงขั้นที่ “พี่โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร  เอ่ยปากเล่าในคลับเฮาส์ว่า สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ “ผู้กองธรรมนัส” ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ จึงคิดเล่นการเมือง และได้มีโอกาสขอคำปรึกษาทักษิณที่อยู่ต่างแดนอยู่เสมอ

ขณะที่ศึกซักฟอกรอบที่ผ่านมา เมื่อต้นปี 2564 แม้ ร.อ.ธรรมนัสจะเป็นหนึ่งในชื่อที่ถูกยื่นอภิปราย ทว่าพอถึงเวลาจริงกลับมีเพียง “นิคม บุญวิเศษ” จากพรรคพลังปวงชนไทย ที่เป็นผู้อภิปรายเพียงคนเดียว ด้วยข้อกล่าวหาที่เบาหวิว ชนิดที่ "ผู้กองธรรมนัส" เก็งข้อสอบถูกทุกข้อ ทำไปทำมาแทนที่จะเป็นเวทีซักฟอกกลับเป็นเวที "ฟอกขาว" แทน

ซ้ำยามนั้น ยังมีเสียงลือเล็ดลอดเรื่อง “ฤาษีเลี้ยงลิง ดังว่อนสภาฯ กระทั่ง ร.อ.ธรรมนัสได้รับเสียง “ไม่ไว้วางใจ” น้อยที่สุดในบรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย

นอกเหนือจาก“ศึกซักฟอก” ที่เวลานี้กลายเป็นชนวนเดือด ย้ำรอยร้าวระหว่าง “เพื่อไทย” และ “ก้าวไกล” แล้ว  ยังมีความไม่ลงรอย ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นระบบเลือกตั้ง “บัตร 2 ใบ”ที่ไม่ต่างอะไรจาก “เกมสมประโยชน์” ระหว่าง 2 พรรคใหญ่ ทั้งเพื่อไทยและพลังประชารัฐ กลับกันยังเป็นการโดดเดี่ยวก้าวไกล ที่เสียประโยชน์และค้านเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น

บรรดาแกนนำก้าวไกล รวมถึงพันธมิตรอย่างคณะก้าวหน้า ถึงขั้นเปิดหน้าชน พุ่งตรงไปยังเพื่อไทย เปรียบเปรยว่าเป็นขนมล่อซื้อ และอาจเป็น "ทฤษฎีสมคบคิด" ระหว่าง 2 พรรคใหญ่ด้วยกัน

ไม่ต่างไปจากปมร้าวจากกรณีการลงมติโอนงบประมาณ 1.6 หมื่นล้านไปไว้ในงบกลาง ซึ่งพรรคเพื่อไทยลงมติเห็นชอบตามที่รัฐบาลเสนอ จนก้าวไกลออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ต่างอะไร “ตีเช็คเปล่า” ให้รัฐบาล  ลามเป็นศึกวิวาทะระหว่าง 2 พรรคในขั้วฝ่ายค้าน

ฉะนั้น ชนวนร้าวที่เกิดขึ้นระหว่าง “เพื่อไทย” และ “ก้าวไกล” ที่ล่าสุดแกนนำทั้ง 2 พรรคถึงขั้นส่งสารท้ารบ ซ้ำสาดวิวาทะผ่านโลกออนไลน์ ทำท่าว่าจะเป็นรอยร้าวที่ยากเกินจะสมาน

บวก“ดีลพิเศษ” ในการเปลี่ยนขั้ว-สลับสมการการเมืองยามนี้ ดูแล้วไม่ต่างอะไรกับฟางเส้นสุดท้าย ที่กำลังส่งสัญญาณในการ “แยกกันเดิน-ไม่ร่วมกันตี” ระหว่างเพื่อไทยและก้าวไกลหลังจากนี้