‘บัตร 2 ใบ’ พรรคใหญ่สมประโยชน์ โดดเดี่ยว ‘ก้าวไกล-ภูมิใจไทย’

‘บัตร 2 ใบ’ พรรคใหญ่สมประโยชน์  โดดเดี่ยว ‘ก้าวไกล-ภูมิใจไทย’

พปชร.และพท. ไม่ได้หวังเพียงแค่ชนะเลือกตั้ง หากแต่หวังไปถึงคะแนน “แลนสไลด์” เพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียว โดยไม่จำเป็นต้องง้อเสียงจากพรรคขนาดกลางหรือขนาดเล็ก ให้เป็นหนามตำใจ ดังเช่นทุกวันนี้

สัญญาณรีเซ็ตเพื่อเปลี่ยนเกมการเมือง นาทีนี้ดูเหมือนจะไม่ได้จบที่การ “ยุบสภา” อย่างที่ใครคาดคิด  

จับสัญญาณล่าสุดของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมประกาศกร้าวกลางที่ประชุมวุฒิสภา “ยืนยันอยู่จนครบ(เทอม)” เป็นการสยบข่าวลือการยุบสภาภายในปีนี้ ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์

สิ่งที่จะต้องจับตาต่อไป คือการแก้กฎกติกาสำคัญนั่นคือ “รัฐรรมนูญ” ที่เวลานี้เห็นความเคลื่อนไหวของบรรดาพรรคการเมืองทั้งขั้วฝ่ายค้าน และรัฐบาลในการเสนอร่างแก้ไข

โดยเฉพาะประเด็น “บัตร 2 ใบ” ซึ่งขณะนี้เห็นสัญญาณจากพรรคใหญ่ โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย”  หลังเจอพิษบัตรใบเดียวในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ชนิด “ไร้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ” ในสภา 

เวลานี้ ความพยายามฟื้น “ระบบบัตร 2 ใบ” หวังผล ได้รับเสียงถล่มทลายดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในการเลือกตั้งเมื่อปี40,48หรือ 54

ไม่ต่างไปจากขั้วรัฐบาลโดยเฉพาะ “พลังประชารัฐ” ที่เวลานี้เริ่มเห็นสัญญาณจาก “บิ๊กรัฐบาล” และ “บิ๊ก พปชร.” ไฟเขียวรื้อระบบเลือกตั้งกลับไปใช้บัตร 2 ใบ 

เพราะบรรดาแกนนำพรรค รวมถึงบิ๊กรัฐบาลคงบวกลบคูณหาร ชั่งน้ำหนักดูแล้วว่าต่อให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เหมือนการเลือกตั้งปี 54 ซึ่งเวลานั้นพรรคเพื่อไทยชนะแบบถล่มทลาย แต่ พปชร.ก็ยังมี 250 เสียงจาก “พรรค ส.ว.” ตุนไว้ในมือ ดังนั้นต่อให้กลับไปใช้บัตร 2 ใบ พปชร.ก็ยังถือไพ่ต่ออยู่ดี

อ่านเกม “2 พรรคใหญ่” เวลานี้เห็นได้ชัดว่า ไม่ได้หวังเพียงแค่ชนะเลือกตั้งเท่านั้น หากแต่ยังหวังไปถึงผลคะแนนแบบ “แลนสไลด์” เพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียว โดยไม่จำเป็นต้องง้อเสียงจาก “พรรคขนาดกลาง” และ “ขนาดเล็ก” ให้เป็นหนามตำใจ หรือสร้างเงื่อนไขต่อรอง เหมือนดังเช่นทุกวันนี้อีกต่อไป

ต่างจากบรรดาพรรคขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่จะเสียประโยชน์จากการถูกลดขนาด หากการเลือกตั้งครั้งหน้ากลับไปใช้ระบบบัตร 2 ใบ เวลานี้จึงเดินเกมทั้งบนดินใต้ดินเพื่อขวางระบบบัตร 2 ใบ

เห็นชัดจากท่าทีของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดหน้าค้านเต็มที่ ประกาศชัดมาตั้งแต่เมื่อครั้งทำบุญวันเกิดพรรคเมื่อ 6 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า  “พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย และคงไม่สนับสนุนเพราะของเดิมดีอยู่แล้ว ไปแก้ทำไม”

ภูมิใจไทยเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า แม้จะสามารถดูดเสียงจากฝ่ายค้านมาเติมแต้มให้พรรคและรัฐบาลได้ แต่เกมนี้ก็ไม่ทำให้ภูมิใจไทยถือไพ่เหนืออีกต่อไป

ไม่ต่างไปจาก “พรรคส้มหล่น”  อย่าง “พรรคก้าวไกล” ที่ได้ประโยชน์เต็มๆจากระบบบัตรใบเดียว ชนิดกวาด “ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์” มากที่สุดในสภา จึงขวางระบบบัตร 2 ใบมาตั้งแต่ต้น เห็นชัดจากการแก้รัฐธรรมนูญรอบที่แล้ว ที่แทบจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย แต่เลือกที่จะหยิบยกประเด็น "ปิดสวิซต์ส.ว."เพื่อต่ออำนาจ คสช.เป็นหลัก 

ตอกย้ำชัด จากท่าทีล่าสุดของ “ชัยธวัช ตุลาธน”  เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่มองการแก้ไขระบบเลือกตั้งไม่ต่างอะไรจาก “ขนมล่อซื้อ” ของบรรดานักการเมือง 

จึงไม่แปลกที่เวลานี้จะเห็นภาพของก้าวไกลในการแก้เกม ขวางระบบ 2 บัตรตามรัฐธรรมนูญ 2540 ที่พรรคเพื่อไทยเสนอ แต่ใช้โมเดลบัตร 2 ใบทำ“ไพรมารี่โหวต” ซึ่งอย่างน้อยก้าวไกลยังได้ประโยชน์จากระบบนี้แทน

 ไม่ต่างไปจาก “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้าที่มองว่า เกมการรีเซ็ตครั้งนี้ อาจไม่ใช่แค่เรื่องฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นไปได้ว่าอาจมี “ฉันทามติร่วมกัน” ของนักการเมืองรุ่นเก่าที่คงไม่ยอมให้มีพรรคแบบอนาคตใหม่ หรือก้าวไกลที่จะเติบโตขึ้นมากลายเป็น 100 กว่า “ถ้าจะมี ก็ขังไว้สัก 30-40-50 ไม่เกินนี้”

อ่านเกมเวลานี้ เมื่อ 2 พรรคใหญ่อย่าง “พลังประชารัฐ” และ“เพื่อไทย” ต่าง “สมประโยชน์” จากระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สิ่งที่ต้องจับตาต่อคือสมการการเมืองหลังจากนี้ 

โดยเฉพาะพรรคเล็กหรือ "พรรคปัดเศษ" จากระบบบัตรใบเดียว ที่เวลานี้ไม่ได้ถือไพ่ต่อรองพรรคใหญ่อีกต่อไป มิหนำซ้ำอาจไม่ได้กลับเข้าสภารอบสองหากกลับไปใช้ระบบบัตร 2 ใบ ชั่วโมงนี้กำลังถูกกวาดต้อนจากพรรคใหญ่ทั้ง 2 ค่าย

จากนี้ต้องจับตา เพราะเมื่อสัญญาณรีเซ็ตทำงาน “สมการการเมือง” ก็อาจเปลี่ยนตามไปด้วย...