"เพื่อไทย"ชี้งบ65ผิดทิศผิดทาง-สะท้อน5ปัญหาล้มเหลว

"เพื่อไทย"ชี้งบ65ผิดทิศผิดทาง-สะท้อน5ปัญหาล้มเหลว-เสื่อเสีย-หนี้ล้น-ไร้ประสิทธิภาพ-แยกแยะความสำคัญไม่ได้ แนะ "ประยุทธ์" ปรับงบให้ตอบโจทย์ความต้องการของ ปชช. หรือไม่ก็ลาออกไป
พรรคเพื่อไทย จัดเสวนา "งบ 65 ผิดทิศผิดทาง ผิดที่ผิดเวลา" โดยมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ และนายไชยา พรหมา รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล นายทะเบียนสมาชิกพรรคเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี
โดยนายพิชัย ระบุว่า ถ้าจะพูดถึงงบประมาณก็ต้องพูดถึงเงินกู้ 5 แสนล้านบาท ที่พลเอกประยุทธ์จะกู้เพิ่ม เพราะเป็นการใช้เงินนอกงบประมาณจำนวนมาก ทั้งนี้แต่แรก ครม. ได้เห็นขอบ พ.ร.ก. เงินกู้ 7 แสนล้าน ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง ทั้งที่ รมว. คลัง เพิ่งยืนยันว่าไม่ต้องกู้เพราะมีเงินพอถึง 3.8 แสนล้านบาท แต่ก็ขอกู้เพิ่มจนได้และมากด้วย แต่พอถูกสังคมตำหนิอย่างรุนแรง และมีคนทักท้วงกันอย่างมาก รวมถึงตัวผมเองด้วย พล.อ.ประยุทธ์จึงลดลงมาเหลือ 5 แสนล้านบาท ยิ่งตอกย้ำการดำเนินการที่ไม่มีแบบแผน ถูกด่าจึงคิดแก้ไข บริหารด้วยการถูกด่า ทำให้สงสัยว่ามีการเตรียมการใช้เงินกู้อย่างไรถึงลดได้ทันที
"แต่ถึงแม้จะลดการกู้ลงแต่หนี้สาธารณะก็คงจะยังพุ่งสูง และจะเป็นปัญหาสำหรับประเทศในอนาคต ดังนั้นการวิเคราะห์วิจารณ์งบ 65 จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์วิจารณ์ พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้าน ควบคู่กันไปด้วย"
โดยการใช้เงินทั้ง 2 จำนวนดังกล่าวจะสะท้อนถึง 5 ปัญหา คือ
1.ความล้มเหลวในการจัดเก็บรายได้ที่น้อยลง และไม่สามารถเพิ่มงบประมาณให้กับประเทศได้โดยไม่ต้องไปกู้
2.เสื่อมถอย เพราะรัฐบาลไม่มีการคิดหารายได้เข้าประเทศ 3.การมีหนี้ล้น ที่คาดว่าจะทะลุเกิน 60% ของ GDP นอกจากนี้ยังมีหนี้ของประชาชนและหนี้เสียของธนาคาร และกังวลว่ารัฐบาลถัดไปจะมีปัญหาเพราะไม่มีเงินใช้แล้ว
4.ไร้ประสิทธิภาพในการใช้เงิน ใช้เงินเยอะแต่ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ // 5.ไม่สามารถแยกแยะความสำคัญของโครงการสำคัญต่างๆได้ ตัดงบในส่วนที่ไม่ควรตัด
ดังนั้น จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี ได้กลับไปคิด ว่าที่ตนพูดถูกหรือผิด ถ้าไม่ปรับตัวเองให้ทันโลก ก็จะไม่สามารถบริหารประเทศนี้ได้ ถ้ายังทำเหมือนทุกวันนี้ประเทศมีแต่จะเจ๊ง
ด้านนายไชยา มองว่า ปัญหาหลักในปัจจุบัน คือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมา ดังนั้น ตราบใดที่รัฐบาลไม่สามารถที่จะหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ปัญหาต่างๆก็จะหยุดไม่ได้ ไม่ว่าจะอัดเงินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้ นั้นหมายความว่าเศรษฐกิจก็ไม่โต การกู้เงิน พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาทนั้น มี 30,000 ล้านบาท ที่จะนำมาช่วยกระทรวงสาธารณสุข
"จึงมองว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ใน พ.ร.ก.เงินกู้ แต่ควรจะอยู่ใน พ.ร.บ.งบประมาณ เพื่อตรวจสอบได้ว่าเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลไม่จัดลำดับความสำคัญของปัญหา ดังนั้น งบปี 65 ที่บอกว่าผิดทิศผิดทาง ผิดที่ผิดเวลา ยังรวมถึงผิดที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วย"
ขณะที่นายเผ่าภูมิ มองงบปีนี้มี 5 ผิด คือ 1.งบผิดกฎ คือผิดวินัยการเงินการคลัง 2.ผิดจำนวน งบปีนี้ลดลงจากปีที่แล้ว 5.6% แม้ปีนี้จะต้องการการฟื้นฟูเศรษฐกิจจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็เก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า 3.ผิดที่คือตัดงบในส่วนที่ไม่ควรตัดในหลายๆด้าน เช่น การจัดรายจ่ายทางการสวัสดิการของประชาชน ในช่วงที่ประชาชนต้องการใช้เงิน ,ตัดงบของการศึกษา ระดับปฐมวัย ปฐมศึกษา ซึ่งเป็นส่วนที่มีงบประมาณเยอะที่สุด ,ตัดงบกระทรวงทรวงแรงงาน ในขณะที่ต้องช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น
4.ผิดเวลา คือบางหน่วยงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้งบแต่มีการจัดสรรงบให้ เช่น กระทรวงกลาโหม 5.ผิดที่คนใช้ งบประมาณต่อให้มีคุณภาพ แต่ถ้าคนใช้ไม่มีประสิทธิภาพก็ถือว่าศูนย์เปล่า ดังนั้นงบ 65 ฉบับนี้ต้องถกเถียงกันอย่างรุนแรงในสภาฯเพื่อให้เห็นจุดอ่อนและต้องปรับปรุงแก้ไข
ด้านนายทะเบียนพรรค ระบุว่า ความผิดของการจัดสรรงบประมาณ คือการประมาณการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาด ,เก็บรายได้ไม่เข้าเป้า ,การกู้ขาดดุล และผิดที่ พลเอกประยุทธ์ เป็นคนทำงบประมาณฉบับนี้ ดังนั้น อยากให้ พลเอกประยุทธ์ เอา พ.ร.บ.งบ ปี 65 ไปพิจารณาใหม่ ปรับตัวเลขให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชานว่าจะทำอะไรเพื่อประชาชนได้มากที่สุด หรืออีกข้อเสนอคือพลเอกประยุทธ์ลาออกไป