'ม็อบตุลา' ฟังไว้ 'จตุพร' การันตี ชูธงไล่ 'ประยุทธ์' ขยับวันชุมนุม คนล้นราชดำเนิน

'ม็อบตุลา' ฟังไว้ 'จตุพร' การันตี ชูธงไล่ 'ประยุทธ์' ขยับวันชุมนุม คนล้นราชดำเนิน

'จตุพร' แนะ ม็อบ 14 ตุลา เปลี่ยนแผนหนีแรงเสียดทาน เน้นขับไล่ 'ประยุทธ์' พร้อมเลื่อนวันชุมนุมออกไป เชื่อ ประชาชนร่วมล้นหลามราชดำเนิน เตือน อย่าทะลุเพดาน เหตุภูมิรัฐศาสตร์จาก 13 ตุลาต่อถึง 14 ตุลาไม่เอื้ออำนวย

เมื่อ 12 ต.ค.2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk โดยเสนอคณะราษฎร 2563 ลดข้อเรียกร้องจาก 3 ข้อเหลือเพียงข้อเดียว คือ ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกไป พร้อมทั้งเลื่อนการชุมนุมวันที่ 14 ต.ค. ออกไป เพื่อลดแรงเสียดทานจากความไม่เข้าใจของประชาชนบางส่วนที่กำลังไว้อาลัยและระลึกถึงการสวรรคต ร.9

นายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุม 14 ต.ค.นั้น ถ้าลดข้อเรียกร้องจาก 3 ข้อ เหลือเพียงข้อเดียว ตนเชื่อว่ากระแสประชาชนจะออกมาร่วมชุมนุมถล่มทลาย ท่วมท้นถนนราชดำเนิน ส่วนข้อเรียกร้องให้เปิดสภาสมัยวิสามัญไม่มีความหมาย เพราะอีกเกือบ 20 วันก็เปิดสมัยสามัญในวันที่ 1 พ.ย.แล้ว

นายจตุพร ย้ำว่า การกำหนดวันขับเคลื่อนนั้น ต้องเลือกเอาวันที่มีความพร้อมมากที่สุด หรือลดอุปสรรคการเข้าร่วมชุมนุมของประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งใครจะทำตามหรือไม่ก็ตาม แต่ข้อเสนอเป็นวิทยาศาสตร์สังคมรอวันต้องพิสูจน์กัน

"ผมเสนอวันนี้ คือ ให้เหลือข้อเรียกร้องเดียว ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป หรือลาออก หรือยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน บรรยากาศบ้านเมืองจะคลี่คลายลง และแต่ละฝ่ายไม่มีความอึดอัดใจ ถึงที่สุดเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเสียสละบ้าง ที่พูดเรื่องนี้ เพราะผมห่วงใยในสถานการณ์ เมื่อมีประเด็นสร้างความวิตกกังวลจากกระแสก่อนการขับเคลื่อน 14 ตุลา ไม่อยู่ในสถานะสูงสุดที่ประชาชนจะให้ความร่วมมือ"

นายจตุพร กล่าวอีกว่า  ในทางการเมืองเปลี่ยนวันชุมนุมได้ตามสถานการณ์ เพราะไม่ได้หมายความว่าเปลี่ยนจุดยืนอุดมการณ์ เนื่องจากในวันที่ 13 ต.ค. คนทั้งแผ่นดินจะร่วมระลึกถึงและไว้อาลัยต่อวันสวรรคตของ ร.9 ภูมิรัฐศาสตร์แบบนี้ จะทำให้การเคลื่อนไหวทางการเมืองในวันที่ 14 ต.ค. เป็นไปด้วยความยากลำบาก

"วันรุ่งขึ้น (14 ตุลา) เมื่อมีขบวนเสด็จไปพระบรมมหาราชวัง แน่นอนที่สุดประชาชนสองข้างทางจะถวายการต้อนรับ เปล่งเสียงทรงพระเจริญ อีกอย่างการพยายามอธิบายว่า ผู้ชุมนุมจะเปิดเส้นทางเสด็จ แต่ชู 3 นิ้วนั้น ผมว่าภูมิรัฐศาสตร์แบบนี้เป็นปัญหาแล้ว เพราะคนจะเต็มถนนราชดำเนินเพื่อมารับเสด็จ" นายจตุพร กล่าวและว่า

สิ่งที่ตนเสนอนั้น คือ ลดข้อเรียกร้องเหลือข้อเดียวไล่ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วเปลี่ยนวันชุมนุมใหม่ แม้ผู้จัดชุมนุมไม่ฟังหรือไม่เอาตามข้อเสนอก็ตาม แต่อีก 2 วันจะได้พิสูจน์ความจริงในความห่วงใยของตนกันแล้ว

ถึงที่สุด ตนเชื่อว่า ถ้ามีข้อเรียกร้องข้อเดียวก็จะไปกันได้ รวมทั้งพวกอยู่ข้างเวทีสามารถร่วมขบวนบนเวทีได้สะดวกใจ อีกอย่างสภาพการณ์ในปัจจุบันประชาชนเอื้อมระอากับเผด็จการ ภาวะเศรษฐกิจบ้านเมืองเต็มไปด้วยความย่ำแย่ เสียงให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงจึงดังขึ้นไปทั่วประเทศ

ดังนั้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีความสำคัญ เมื่อยังเสนอข้อที่สามเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน จะพาให้ข้อที่หนึ่งและสองต้องล้มระเนระนาดกันไป แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็ลอยตัว อยู่กันอย่างสบายไป โดยข้อเรียกร้องไม่ระคายผิว แต่ประชาชนกลับเสียโอกาส นอกจากนี้ ประเทศไทยยังต้องเจอกับภัยคุกคามจากภายนอกประเทศที่จ้องกดดันอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ตนได้ติดตามการข่าว เฝ้าดูสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง และยังเรียกร้องเหมือนเดิมว่า ทุกอย่างต้องยึดแนวทางสันติวิธีเท่านั้น คือ ในชาติบ้านเมืองต้องไม่ใช้ความรุนแรง เพราะประเทศจะเกิดวิกฤตใหม่อีกรอบไม่ได้

วันนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือความเชื่อมั่น โดยเฉพาะถ้ามีความเชื่อมั่นรัฐบาลด้วยแล้ว คนในประเทศก็กล้าจะลงทุน จะเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ แต่สภาพรัฐบาลขณะนี้ไม่กล้ายอมรับการถังแตก ทั้งที่สภาพเลยอาการถังแตกย่อยยับไปแล้ว แล้วปีหน้าจะอย่างไรกันต่อเหตุนี้คนหนุ่มสาวจึงต้องคิดอ่านกัน ถ้าฟังตนจะรู้ว่ามีเจตนาดี หากต้องการจัดการรัฐบาลก็ต้องเอาข้อเดียว คือ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก และเลื่อนวันชุมนุมออกไป ให้เกิดความสบายใจทั้งหมด ไม่ถูกกล่าวหาใดๆได้ พสกนิกชาวไทยเข้าใจ เมื่อเป็นอย่างนี้แฟร์ทุกฝ่าย

นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวถึง ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยว่า วันที่บ้านเมืองเป็นเผด็จการทหาร หรือ ประชาธิปไตยโดยนักการเมือง แต่พวกไม่ได้รับผลกระทบคือ กลุ่มนายทุน นักธุรกิจใหญ่ ซึ่งไปรายล้อมได้ทั้งสองฝ่ายเพื่อกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเอง ดังนั้น การเมืองและเศรษฐกิจจึงเลวพอกัน ขณะนี้ความเหลื่อมล้ำที่พูดกันมายาวนาน ถ้าไม่เตะหมูเข้าปากหมาแล้ว สถานการณ์วันนี้บ้านเมืองต้องคิดกันทั้งระบบ เพื่อเริ่มต้นกันใหม่ ให้คนรวยพวกเจ้าสัวได้รับผิดชอบต่อสังคม และจะบริจาคประโยชน์ที่กอบโกยมาได้กลับคืนต่อเพื่อนมนุษย์ ช่วยลดช่องว่างเหลื่อมล้ำให้ลดน้อยลงอย่างไร

สิ่งสำคัญ ในปัจจุบันนี้ มหาเศรษฐีไทยยังไม่แสดงออกถึงความรับผิดชอบ ดังกรณีนายอากร ฮุนตระกูล เคยนำที่ดินกว่า 5 พันไร่ มูลค่านับแสนล้านบาทคืนกลับสู่แผ่นดิน แต่เจ้าสัวไทยส่วนใหญ่ยังเก็บดองที่ดินไว้ส่วนตัว เท่านั้นไม่พอ ยังเข้าไปล้วงลูกองค์กรอิสระ รวมถึงส่องช็อบปิงในกองทัพ เพื่อหาประโยชน์สะสมความร่ำรวยให้ตัวเอง จนมีทรัพย์สินใช้ไป 100 ชาติยังไม่หมด

"คนพวกนี้เป็นอภิสิทธิ์ชนในบ้านเมืองได้อย่างไง วันหนึ่งผมต้องจำแนกออกมาเป็นรายๆไปให้สาธารณะรับรู้ เพราะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ทางใดทางหนึ่ง"