"ดำรงค์" จี้สังคายนา "องค์กรสวนสัตว์"

"ดำรงค์" จี้สังคายนา "องค์กรสวนสัตว์"

ดำรงค์ พิเดช จี้สังคายนา "องค์กรสวนสัตว์" หลังมีข้อสงสัยกระบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติแฝงตัว

              นายดำรงค์ พิเดช  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวต่อประเด็นที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับกระบวนการค้าสัตว์ป่าภายในสวนสัตว์  หลังจากเกิดเหตุลูกเก้งเผือกภายในสวนสัตว์สงขลาหายไป  ว่า ตอนที่ตนดำรงตำแหน่งอธิบดีอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เคยมีบัตรสนเท่ห์แจ้งว่ามีกระบวนการลักลอบค้าลูกวัวแดง ซึ่งตนได้ตรวจสอบในพื้นที่พบคำบอกเล่าจากลูกจ้างชั่วคราวว่าราคา ตัวละ 5แสนบาท แต่ในครั้งนั้นไม่ได้ตรวจสอบเพื่อเอาผิดหรือตัดวงจรค้าสัตว์ในสวนสัตว์ แต่ได้ใช้มาตรการเชิงป้องปราม คือ สั่งให้ตรวจดีเอ็นเอ็นลูกของสัตว์ที่เกิดในสวนสัตว์ทุกตัวหลังจากเกิดแล้ว ภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อใช้ติดตามตัว  
              "เหตุการณ์ลูกเก้งเผือกที่หายไป ถือว่าสำคัญ เพราะสัตว์ที่ได้มาคือสัตว์พระราชทาน ต้องเร่งติดตามและหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าเรื่องนี้หากหัวหน้าไม่เอาด้วยคงไม่มีใครกล้า ขณะที่การค้าสัตว์ป่าข้ามชาติหากสามารถส่งไปยังต่างประเทศได้ จากมูลค่าหลักแสน จะกลายเป็นหลักล้านบาททันที ดังนั้นระบบของสวนสัตว์ต้องได้รับการสังคายนา ตั้งแต่ระบบการแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในองค์การสวนสัตว์ เพราะหากคนที่เป็นเส้นสายของพ่อค้าต่างชาติได้ การค้าสัตว์ป่าออกนอกประเทศย่อมทำได้ง่าย” นายดำรงค์ กล่าว  
              ประธานที่ปรึกษา กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวด้วยว่าส่วนการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวภายในกมธ.ฯ​นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจาก นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฐานะประธานกมธ.ฯ ให้นัดประชุมเพื่อหารือเรื่องดังกล่าวและที่ผ่านมาในงานกมธ.ฯ ยังไม่เคยพิจารณา แต่คาดว่าเมื่อกมธ.ได้นัดประชุม อาจนำเรื่องการลักลอบค้าสัตว์ป่าเข้าหารือเพื่อหาข้อเท็จจริงและเสนอแนะมาตรการป้องกันไปยังฝ่ายนโยบาย.