มีประเด็นข้อกฎหมายที่ยังถกเถียงกันว่า คดีขับรถโดยประมาทชนตำรวจตายของ นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา นั้น สิ้นสุดแล้วหรือยัง เพราะอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง และตำรวจไม่ทำความเห็นแย้ง โดยในเอกสารที่ตำรวจทองหล่อส่งถึงนายบอสเพื่อแจ้งคำสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา ใช้คำว่า "อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง และ ผบ.ตร.ไม่ได้ทำความเห็นแย้ง"
ประเด็นนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด หนึ่งในคณะทำงาน 7 อรหันต์เพื่อตรวจสอบการพิจารณาสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา แต่ปรากฏว่านายประยุทธไม่ยอมตอบแบบฟันธง
บอกว่าต้องรอคณะทำงาน 7 อรหันต์ตรวจสอบสำนวนการสอบสวนทั้งหมดก่อน แต่หากพิจารณาตามหลักของกฎหมาย ถ้าอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดไปแล้ว อัยการจะไม่สามารถสั่งฟ้องคดีได้ เว้นแต่มีพยานหลักฐานใหม่ในคดี หรือญาติของผู้เสียหายยื่นฟ้องต่อศาลเอง
จากคำชี้แจงของนายประยุทธ "ทีมข่าวเนชั่นทีวี" ได้ตรวจสอบประเด็นนี้กับนักกฎหมายอีกหลายคน ได้ข้อมูลว่า การแก้ "คำสั่งไม่ฟ้อง" ของอัยการ หากมีมูลเชื่อได้ว่าเป็นการสั่งคดีโดยมิชอบ หรือรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยมิชอบ สามารถทำได้ 3 แนวทางด้วยกัน
1. รอผลการตรวจสอบสำนวนการสั่งไม่ฟ้องของคณะทำงาน 7 อรหันต์ ถ้าพบว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบ ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม หรือผลการสอบสวนของตำรวจพบว่ามีการใช้พยานหลักฐานเท็จ ทางพนักงานสอบสวนหรืออัยการก็จะมีช่องทางในการหยิบสำนวนคดีกลับมาพิจารณาใหม่ หรือมีคำสั่งใหม่ให้เป็น "สั่งฟ้อง" ได้ แต่วิธีนี้อาจใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะอาจต้องรอผลการสอบสวนที่มีการตั้งคณะกรรมการอย่างเป็นทางการ เพื่อให้มีผลทางกฎหมายอย่างแท้จริง และเปิดให้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหายื่นหลักฐานหรือคำชี้แจงได้ด้วย เพื่อความเป็นธรรม
2. อัยการสูงสุดใช้อำนาจดึงสำนวนคดีกลับมาพิจารณาใหม่ เพราะการสั่งไม่ฟ้องนายบอสทุกข้อหา ไม่ได้ใช้อำนาจอัยการสูงสุด แต่เป็นการใช้อำนาจของ นายเนตร นาคสุข ในฐานะอธิบดีอัยการสำนักคดีศาลสูง ขณะรักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุดเท่านั้น
เรื่องนี้แม้จะมีระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่า การพิจารณาเรื่องขอความเป็นธรรม ให้เป็นอำนาจของรองอัยการสูงสุดก็ตาม แต่จริงๆ แล้วอำนาจการสั่งคดีที่ "เป็นคำสั่งเด็ดขาด" เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด เพียงแต่กระจายอำนาจออกไปเพื่อไม่ให้เป็นการรวมศูนย์ โดยออกเป็นระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดเท่านั้น แต่ระเบียบนี้ไม่ได้ลบล้างอำนาจที่แท้จริงของอัยการสูงสุด
ที่สำคัญ องค์กรตำรวจและอัยการไม่ใช่องค์กรตุลาการ 100% ฉะนั้นคดีจะถึงที่สุดหรือไม่ จะพิจารณาแบบที่ศาลมีคำพิพากษาไม่ได้ หากคดียังอยู่ในอายุความ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงได้ เหมือนที่อัยการเปลี่ยน "คำสั่งฟ้อง" เป็น "คำสั่งไม่ฟ้อง" ในคดีบอส
ทำให้ "บอสรอดทุกข้อหา" ฉะนั้นหากพบว่ามีการสั่งคดีโดยมิชอบ หรือสั่งโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ ก็ชอบที่อัยการสูงสุดจะดึงสำนวนมาพิจารณาและสั่งคดีใหม่ได้ โดยไม่ต้องรอผลการตรวจสอบของคณะทำงาน 7 อรหันต์ด้วยซ้ำ เนื่องจากองค์กรอัยการเป็นองค์กรกึ่งบริหาร ไม่ใช่องค์กรที่ใช้อำนาจตุลาการ 100%3. กรณีที่ครอบครัวของ ด.ต.วิเชียร ผู้ตายไม่พอใจผลการสั่งคดีของอัยการที่เปลี่ยนเป็น "สั่งไม่ฟ้อง" ทางครอบครัวก็สามารถยื่นฟ้องคดีเองต่อศาลได้ เพราะคดียังอยู่ในอายุความ และการรับเงินชดใช้ความเสียหายหรือเงินเยียวยาจากฝ่ายผู้ต้องหา คือ ฝ่ายนายบอส ไม่ได้ทำให้สิทธิ์ในการฟ้องคดีอาญาระงับไป ทั้งนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28 ประกอบมาตรา 5(2)
นอกจากนั้น ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ยังเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ตำรวจสามารถแสวงหาหลักฐานดำเนินคดีได้ตลอดเวลา