แจกทะเบียนบ้านมั่นคงชุมชนริมคลองลาดพร้าว

วันที่ 6 ม.ค.2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมคลองลาดพร้าว เพื่อมอบบ้านมั่นคงในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง ที่ก่อสร้างเสร็จบางส่วนแล้ว ตามนโยบายการแก้ไขปัญหาการรุกรามลำน้ำสาธารณะ

นายจรินทร์ กล่าวว่า รัฐบาลจะทำบ้านมั่นคงจาก 120,000 หลังให้เป็น 1,200,000 หลังภายในระยะเวลา 10 ปี จะเป้าหมายของนโยบายรัฐบาลที่จะกระทำต่อไป สำหรับที่ชุมชนริมคลองลาดพร้าว ริมคลองเปรมประชากร ริมคลองบางซื่อ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายนี้บ้านที่รัฐบาลได้มาช่วยดำเนินการโดย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และกระทรวงการพัฒนาสังคม เพื่อให้ประชาชนจัดการที่อยู่อาศัยตามวิถีทางที่ถูกต้อง มั่นคงแข็งแรงและมีความสุขต่อไป สิ่งใดที่รัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชนได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน อาชีพ หรือการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รัฐบาลยินดีที่จะเข้ามาสนับสนุน

จากนั้นนายจุรินทร์ ได้ลงเรือจากท่าเรือชุมชนชายคลองบางบัว เขตหลักสี่ กทม.จนถึงท่าเรือชุมชนวัดบางบัว เขตจตุจักร และมีพิธีมอบทะเบียนบ้านมั่นคงตลอดชุมชนริมคลองลาดพร้าว โดยมีผู้ดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนดำเนินการ อย่างไรก็ตาม การตรวจเยี่ยมโครงการครั้งนี้ มีระยะทางที่ลงเรือตลอด 10 กิโลเมตร 15 ชุมชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พอช. ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยใหม่สำหรับชุมชน ริมคลอง ในปี 2559 ครม. มีมติให้ พอช. ดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองเปรมประชากร จำนวน 74 ชุมชน 2 คลอง 11,004 ครัวเรือน ระยะเวลา 3 ปี ระหว่างปี 2559-2561 ต่อมาได้ปรับแผนให้ ด้าเนินการคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อจำนวน 52 ชุมชน 7,081 ครัวเรือนให้แล้วเสร็จในปี 2561 เพื่อเป็น ต้นแบบในการพัฒนาคลองเปรมประชากร

สำหรับความคืบหน้าโครงการชุมชนริมคลอง สิ้นเดือน ธ.ค.2562 สามารถด้าเนินการได้ 35 ชุมชน 3,308 ครัวเรือน จากพื้นที่ทั้งหมดที่ด้าเนินการได้ 5,029 ครัวเรือน และวันที่ 2 ก.ย. 2562 สามารถตอกเสาเข็มเขื่อนได้ 30,839 ต้น คิดเป็นร้อยละ 51.40 จาก 60,000 ต้น มีงบประมาณเงินสนับสนุนค่าสาธารณูปโภค 50,000 บาท ต่อครัวเรือน งบสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยไม่เกิน 360,000 บาท ต่อครัวเรือน เงินอุดหนุนสร้างบ้าน 25,000 บาทต่อครัวเรือน งบช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ 72,000 บาทต่อครัวเรือน บริหารจัดการชุมชนละ 50,000-500,000 บาท