ย้อนรอยคดีฆ่าอดีตปลัดอบจ.ขอนแก่น

ย้อนรอยคดีฆ่าอดีตปลัดอบจ.ขอนแก่น

ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว 3 พ.ค.2556 เกิดเหตุคนร้ายบุกยิง “นายสุชาติ โครตทุม” ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เสียชีวิตคาที่ข้างรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ หน้าบ้าน พักในซอยหมู่บ้านจอมพล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น

ผลการชันสูตรเบื้องต้นพบว่านายสุชาติ ถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. 5 นัด และ.38 จำนวน 3 นัด ตำรวจในพื้นที่ได้ระดมทีมสืบสวน จนได้เบาะแสพาหนะที่คนร้ายใช้เป็นรถยนต์ปิคอัพสีดำ

จากภาพกล้องวงจรปิด เช้าวันเกิดเหตุ 07.18 น.เป็นเวลาที่มือปืนลงมือ โดยนายสุชาติกำลังถอยรถยนต์ออกจากบ้านพักเพื่อไปทำงานที่ อบจ.ขอนแก่น ขณะนั้นคนร้าย เป็นชาย 2 คน ใส่ชุดดำ สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าได้ขับรถปิคอัพสีดำเข้ามาจอดขวาง จากนั้นชายคนหนึ่งลงมาคุยกับนายสุชาติ โดยทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายชุดดำจะใช้ปืนยิงใส่นายสุชาติ จากนั้นชายชุดดำอีกรายได้ลงจากรถยิงนายสุชาติซ้ำ จนเสียชีวิตคาที่ ก่อนขับรถหลบหนีไป

ทีมสืบสวนได้แกะรอยเส้นทางหลบหนี โดยตรวจสอบจุดที่มีกล้องวงจรปิด ทำให้เห็นภาพการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืน ทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ จนพบว่าคนร้ายใช้รถก่อเหตุ 2 คัน คือ นอกจากรถยนต์สีดำแล้ว ยังมีรถยนต์เก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีแดงอีกคัน

 ภาพวงจรปิดอีกจุด บริเวณปั๊ม ปตท.สาขาถนนประชาสโมสร จับภาพได้ว่า นอกจากรถยนต์ 2 คันนี้ แล้วยังมีรถยนต์เก๋งสีแดงยี่ห้อเชฟโรเล็ตอีกคัน ที่ถูกบันทึกไว้ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีชายเจ้าของรถยนต์ลงรถไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ทีมสอบสวนจึงได้พยานสำคัญในการยืนยันตัวคนร้าย

ต่อมาวันที่ 5 พ.ค.2556 ทีมสืบสวนได้ดูกล้องวงจรปิดของปั๊ม ปตท.อีกครั้งโดยละเอียด จึงพบว่า 1 ในคนร้ายที่ใส่หมวกปรากฎในกล้องวงจรปิด คือ ด.ต.วีระศักดิ์ ชำนาญพล ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปราม สภ.หนองเรือ จึงได้ออกหมายจับเป็นรายแรก จากนั้นจึงรู้ตัว ผู้ร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ทั้งหมด 5 คน จึงได้ขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับกุมคนร้ายทั้งหมด

จึงทราบว่าผู้ลงมือฆ่าเป็นตำรวจระดับสูงคือ พ.ต.ท.สมจิต แก้วพรม รอง ผกก.ป.สภ.หนองเรือ ซึ่งหลบหนีไประยะหนึ่ง ก่อนเข้ามอบตัวกับอดีตผู้บังคับบัญชาในกทม. เมื่อ 17 พ.ค.2556 แต่ได้ให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน ขอให้การในชั้นศาล

24 พ.ค.2556 ตำรวจได้แกะรอยการใช้โทรศัพท์มือถือของนายประพันธ์ ศรีพิลัย จึงติดตามจับกุมตัวได้ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ต่อมานายบุญช่วย จูงกลาง ผู้ขับรถโตโยต้า ถูกจับกุมได้ที่ อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา เมื่อ 25 พ.ค.2556 และนายปิยะพงษ์ มีกำปัง คนที่ถูกอ้างว่าเมาสุราจึงนอนอยู่ท้ายรถกระบะ ได้หลบหนี แต่ถูกจับกุมตัวได้ที่ จ.สงขลา เมื่อ 10 ส.ค.2556 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนสุดท้าย

กระทั่งวันที่ 29 ต.ค.2557 ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาคดีดำเลขที่ อ.2074/456 สรุปว่า พ.ต.ท.สมจิตร และนายประพันธ์ มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยมิได้ไตร่ตรองไว้ก่อน จึงพิพากษา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นให้จำคุกตลอดชีวิต แต่นายประพันธ์ให้การเป็นประโยชน์เป็นเหตุให้บรรเทาโทษให้ 1 ใน 4 รวมกับความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน คงให้จำคุก พ.ต.ท.สมจิตร ตลอดชีวิตสถานเดียว ส่วนนายประพันธ์รวมโทษจำคุก 37 ปี 14 เดือน 30 วัน

ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 4 และ 5 ซึ่งให้การปฏิเสธตลอดว่าไม่เกี่ยวข้อง และพยานหลักฐานไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยที่ 3 รู้มาก่อนว่าจำเลยที่ 2 และ 3 จะมาฆ่าผู้ตาย จึงให้ยกฟ้อง โดยให้ขังระหว่างอุทธรณ์

ความคืบหน้าของคดี เมื่อ 19 ม.ค.2559 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษา พ.ต.ท.สมจิต ให้ลงโทษประหารชีวิต ส่วนคนร้ายที่อยู่ในกลุ่มนี้ทั้งหมดให้จำคุกตลอดชีวิต ซึ่งเป็นการพิพากษาแก้จากศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2557 และพนักงานสอบสวนยังมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปยังนายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแก่น เพื่อไทย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนายสุชาติ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “จ้างวานฆ่า”

ต่อมาวันที่ 3 เม.ย.2561 ศาลจังหวัดขอนแก่นได้ออกหมายจับนายนวัธ ข้อหากระทำความผิดฐานจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทั่งล่าสุดวานนี้ 24 ก.ย.62 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้มีคำตัดสินในศาลชั้นต้นลงโทษประหารชีวิตนายนวัธ