ผู้ตรวจฯ เสนอนายกฯ แนวทางแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อนและการบุกรุกป่าวังน้ำเขียว
ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอถึงนายกฯ คืนพื้นที่กลับสู่ส.ป.ก.ยุติปัญหาเรื้อรัง ระบุต้องแล้วเสร็จภายใน 120 วัน
โดย พลเอกวิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่วันนี้เพื่อแจ้งผลวินิจฉัยการแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียนกรณีการถือครองที่ดินของราษฎรใน 5 อำเภอ 2 จังหวัดที่มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนและข้อกล่าวหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติและอุทยานแห่งชาติทับลาน ได้แก่ อ.วังน้ำเขียว อ.ปักธงชัย อ.ครบุรี และอ.เสิงสางจ.นครราชสีมา และอ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
พลเอกวิทวัสกล่าวว่า ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะกรณีดังกล่าวไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมถึงเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)เพื่อให้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะ และให้แล้วเสร็จภายใน120วัน นับแต่วันที่ได้รับคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน
พลเอกวิทวัสกล่าวอีกว่า การลงพื้นที่ก็เพื่อสร้างความเข้าใจในคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินพ.ศ.2560 ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไห้ดำเนินการปรับปรุงกฎหมาย คำสั่ง และขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่ป็นธรรมแก่ประชาชน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานและดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน โดยให้ยึดถือแนวเขตตามที่ได้ดำเนินการสำรวจรังวัดร่วมกันมาแล้วเมื่อปี พศ.2543 เพื่อแก้ไขปัญหาการทับช้อนกันของพื้นที่
จากนั้นให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวของดำเนินการในแต่ละพื้นที่ คือ บริเวณพื้นที่ที่ยังคงเป็นเขตอุทยานแห่งชาติทับลานให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ปาและพันธุ์พืชดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการพิจารณาอนุญาตให้ประชาชนอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ "ตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์และวิธีการที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562"
บริเวณพื้นที่ที่ถูกกันออกหรือเพิกถอนจากเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ให้กรมป่าไม้รายงานเหตุผลและความจำเป็นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อออกกฎกระทรวงยกเลิกเขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึงเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีให้มีมติยกเลิกพื้นทีป่าเพื่อการอนุรักษ์ เนื่องจากสภาพความเป็นจริงคือเป็นป่าเสื่อมโทรมที่รัฐจัดให้ประชาชนเข้าไปทำกิน (พมพ./คจก.) จากนั้น ให้กรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้ ส.ป.ก.ดำเนินการจัดที่ดินให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยทำกินตามกฎหมายว่ด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้ครบถ้วน
พลเอก วิทวัสกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากจากการส่งมอบพื้นที่และการประกาศแนวเขตของหน่วยงานภาครัฐในแต่ละช่วงเวลาเกิดความคลาดเคลื่อนของแนวเขต จนทำให้เขตพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยงานทับช้อนกัน ซึ่งต้องย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2520 - 2523 ที่กรมป่าไม้ร่วม กับ ส.ป.ก.ได้สำรวจรังวัดและส่งมอบป่าวังน้ำเขียวแปลงที่ 1 และป่าวังน้ำเขียวแปลงที่ 2 โดยการสำรวจรังวัดได้มีการโยงยึดค่าพิกัดหมุดหลักฐานแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร ระบบพิกัดฉากเพื่อทราบตำแหน่งรูปแปลงและเนื้อที่ที่แน่นอน
ต่อมาได้มีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฯ พ.ศ.2524 กำหนดที่ดินป่าวังน้ำเขียวและป่าสงวนแห่งชาติอื่นๆ อีก ให้เป็นอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้ทำการสำรวจพื้นที่จริงก่อนการประกาศกำหนดเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน จึงทำให้เกิดกรณีพิพาทเรื่องที่ดิน
รัฐได้พยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ทั้งนี้ ปรากฏข้อเท็จจริงว่าราษฎรในพื้นที่ดังกล่าวมีทั้งราษฎรที่อาศัยอยู่มาแต่เดิมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2457 และราษฎรที่เคยอาศัยกระจัดกระจายอยู่บนป่าเขาในเขตอิทธิพลผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2518 รัฐได้อพยพราษฎรเหล่านี้ลงมาอยู่ในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมไม่มีสภาพความเป็นธรรมชาติและจัดสรรพื้นที่ทำกินให้อยู่อาศัยกันมามากกว่า 40 ปี
จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2533 -2543 มีการสำรวจรังวัดปรับปรุงแนวเขตและปักหลักเขตจนเป็นที่รับรู้ทั่วกันของราษฎรแต่การแก้ไขพระราชกฤษฎีกาปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานไม่แล้วเสร็จ จึงยังคงใช้พระราชกฤษฎีกาฯ พ.ศ.2524 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทางผู้ตรวจการแผ่นดินมองว่าทำให้มีราษฎรถูกจับกุมดำเนินคดีเป็นการสร้างปัญหาความเดือดร้อน ความไม่มั่นคงในการประกอบอาชีพถูกภาครัฐทอดทิ้งไมให้ความช่วยเหลือใดๆ เช่นเดียวกับที่ให้แก่เกษตรกรทั่วไปส่งผลให้เกิดปัญหาความซัดแย้งระหว่างภาครัฐกับราษฎรในพื้นที่เรื่อยมา
ทางผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้แสวงหาข้อก็จริงเกี่ยวกับปัญหาพื้นทับซ้อนที่เกิดขึ้นใน 3 ประเด็นคือ ปัญหาพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกับอุทยานแห่งชาติทับลาน ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างที่ดินทำกินของราษฎรที่อยู่อาศัยมาแต่เดิมกับอุทยานแห่งชาติทับลาน และปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่าโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อความมั่นคง( พมพ.)และโครงการจัดที่ดินทำกินให้กับราษฎรผู้ยากไว้ในพื้นทีปสงวนเสื่อมโทรม( คจก.)กับอุทยานแห่งชาติทับลาน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า ในส่วนของผู้ที่เข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ดินที่ไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมายให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อุทยานแห่งชาติทับลานได้ดำเนินคดีจนถึงปัจจุบัน 491 คดี โดย 352 คดีอยู่ในอำเภอวังน้ำเขียวที่เป็นที่นิยมพักตากอากาศของนักท่องเที่ยว และมีรีสอร์ตเกิดขึ้นมากมายในพื้นที่