ปชป.ลุยเมืองเหนือ เปิดตัวว่าที่ ส.ส. 62 เขต ชูเชียงใหม่เป็นศูนย์อารยธรรมล้านนา ด้าน “จุติ” โว! ฟ้าเปิด สวรรค์เข้าข้างประชาธิปัตย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์อาทิ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นต้น เดินทางมายังจ.เชียงใหม่ เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคเหนือของพรรคทั้งหมด16 จังหวัด 62 เขตเลือกตั้ง ที่พุทธสถาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการหาเสียงครั้งแรกภายหลังพระราชกฤษฏีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 ประกาศใข้
นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ต่อสู้ลงแข่งขันหลายพรรค ดังนั้นคะแนนเสียงของแต่ละพรรคที่ได้จะไม่ต่างกันมาก แค่เขย่งเท้าก็อาจชนะแม้จะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ก็ตาม แต่ถ้าขยันทำพื้นที่พบประชาชนตลอดเวลา ก็ไม่ใช่คนหน้าใหม่
นายจุติกล่าวว่า เลือกตั้งเที่ยวนี้ภาคเหนือพรรคประชาธิปัตย์จะไม่หนีไปจากยุคที่พรรคเคยมีรัฐมนตรีในภาคเหนือ วันนี้ฟ้าเปิดแล้ว สวรรค์เข้าข้างพวกเรา ทำงานหนักก็มีกุญแจขยันลงพื้นที่บ่อยๆไม่ต้องใช้เงินก็เป็นส.ส.ได้ ขอเพียงให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจประชาชนเท่านั้น
ต่อมานายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ภาคเหนือเราส่งผู้สมัครครบทุกเขตการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ผูกพันกับชาวเหนือมาตั้งแต่รุ่นผู้ก่อตั้งพรรค และผู้ใหญ่หลายคนในพรรคผูกพันกับชาวเหนือและเห็นว่าคนไทยจะต้องมาเป็นที่หนึ่งของประเทศ ความเป็นพรรคประชาธิปัตย์อยู่กับชาวเหนือหลายพื้นที่และหลายครอบครัว หลายคนไม่เคยทราบว่าในการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์เคยได้คะแนนจากภาคเหนือเยอะมาก 30 - 40% แต่เนื่องด้วยระบบการเลือกตั้งทำให้เรามีผู้แทนฯในสภาฯน้อยลง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แต่ตอนนี้ระบบเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไปแล้วยิ่งหากประชาชนมาเลือกเรามากเท่าไหร่ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะมีโอกาสได้ผู้แทนฯในสภาฯมากเท่านั้น เรารอคอยการเลือกตั้งมามากกว่า 5 ปีแล้ว ไม่เคยนานขนาดนี้ พวกเราตกงานไม่เป็นไรแต่พี่น้องไม่มีผู้แทนฯมาดูแลหรือเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้หากเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องทำให้ทุกคนหลุดพ้นจากความยากจนให้ได้ เราอยากเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์จะนำ 3 อย่างคือ “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ”โดย1.แก้จน จะทำการสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเงินจาก 500 บาทเป็น 800 บาทและสามารถกดเงินสดออกมาใช้จ่ายได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านร้านค้าธงฟ้าอย่างเดียว, นโยบายโฉนดสีฟ้า ต่อยอดจากนโยบายโฉนดชุมชน ให้ประชาชนมีความมั่นคงในที่ดินทำกิน มีโฉนดภายใน 4 ปี ที่ดิน สปก. เอาไปใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนทำมาหากินได้ เพราะ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้ ม.44 ให้ใช้ที่ดินสาธารณะทำเหมืองหรือผลิตพลังงาน แต่ไม่ช่วยเหลือเกษตรกร, กองทุนน้ำชุมชน ให้ ชุมชนบริหารจัดการขุดแหล่งน้ำและกระจายน้ำเข้าสู่ไร่นา, ระบบประกันภัยพืชผลจากภัยธรรมชาติ และตั้งเป้าหมายราคาพืชผลการเกษตรทุกตัว, เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำมากกว่า 120,000 บาทต่อปี, เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาทต่อปี, เพิ่มเงิน อสม. 1,000 บาทต่อปี โดยยืนยันว่ารัฐสวัสดิการดังกล่าวจะต้องมีที่มาของเงินและไม่ทำให้บ้านเมืองล้มละลาย ขณะเดียวกันประชาชนที่เข้าหลักเกณฑ์จะต้องได้รับสิทธิ์นี้อย่างทั่วถึง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า 2.สร้างคน โดยนโยบายเกิดปั๊บรับแสน ให้เงินเด็กแรกเกิด 5,000 บาทและจ่ายให้ทุกเดือนเดือนละ 1,000 บาท จนกว่าจะถึง 8 ขวบ, ปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก, เพิ่ม 10 วันลาคลอดให้นานขึ้น, อาหารเช้าและอาหารกลางวันฟรีจนถึงมัธยมศึกษา, เรียนฟรีจนถึงชั้น ปวส. และส่งเสริมการศึกษาสายอาชีพให้เชื่อมโยงกับเอกชนเพื่อให้จบแล้วมีงานทำทันที, แจกคูปองเพิ่มทักษะ 3,500 บาทจำนวนหนึ่งล้านคนต่อปี เช่น การเรียนภาษา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 3.สร้างชาติ เร่งปราบปรามยาเสพติด ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของยาเสพติดนั้นมีข้าราชการรู้เห็นด้วย จึงเพิ่มอำนาจคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป ส.) ให้ส่งฟ้องไปยังอัยการได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งตำรวจ, ให้ประชาชนเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดได้ด้วยตนเอง, และยกระดับจ.เชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมล้านนา
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประชาชนต้องเป็นใหญ่ไม่ใช่แค่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งแต่หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลแล้วประชาชนจะมีอำนาจในการตรวจสอบรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าในส่วนของภาคเหนือตอนบนจะต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นอารยธรรมล้านนามหานคร เป็นช่องทางให้ประชาชนได้มีโอกาสสร้างรายได้ จากการท่องเที่ยว การสร้างเศรษฐกิจในชุมชน ตามแนวทางที่ประชาชนต้องการไม่ใช่สร้างให้ คนข้างนอก หรือคนอื่นมาใช้ประโยชน์ แต่ประชาชนในพื้นที่ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ถ้าจะมีสิ่งที่มาจากข้างนอกคือการสนับสนุนเงินทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับทั้งรถไฟระบบรางถนนหรือการจัดให้เป็นพิเศษได้เลย แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ได้มาทันทีเราต้องมีพรรคการเมืองและรัฐบาล ที่ให้ประชาชนเป็นใหญ่ประชาธิปไตยสุจริต ไม่ใช่ใหญ่เฉพาะตอนเลือกตั้ง ไม่ใช่เป็นนายกฯแล้วโผล่หน้าทางทีวีแล้วดุคนอื่นตลอดเวลา ต้องฟังว่าประชาชนต้องการอะไร ยอมรับการตรวจสอบของทุกฝ่าย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคบอกว่าประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยต้องสุจริต ดังนั้น ประเทศต้องมีนายกรัฐมนตรีซึ่งต้องเป็นนายกฯที่ฟังเสียง ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชน ไม่ใช่โผล่หน้ามาทางทีวีแล้วดุคนอื่นตลอดเวลา และต้องเป็นนายกฯที่เคารพการตรวจสอบโดยประชาชน สื่อมวลชน องค์กรอิสระ และองค์กรตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อจะได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีชาติไหนที่สร้างได้ด้วยผู้มีอำนาจที่ทุจจริต เราจึงต้องการมีผู้นำที่มีความสุจริต
“พรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 7 คน ซึ่งมีผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้วสี่คนโดยไม่เคยมีคนไหนที่ต้องมลทิน “
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภารกิจของนายอภิสิทธิ์ วันนี้นั้นนายอภิสิทธิ์ได้กราบสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ และศาลเจ้าปุงเถ่ากง รวมทั้งยังได้เดินพบปะประชาชนที่ตลาดวโรรส เเละในช่วงเย็นนายอภิสิทธิ์มีกำหนดการขึ้นขบวนรถแห่รอบคูเมืองเชียงใหม่ จากนั้นจะได้เดินพบปะพี่น้องประชาชนบริเวณถนนคนเดิน (ถนนท่าแพ-ถนนราชดำเนิน) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง