นายกฯ ดักคอนักการเมืองอย่าขายฝันทำปชช.ผิดหวังอีก

นายกฯ ดักคอนักการเมืองอย่าขายฝันทำปชช.ผิดหวังอีก

นายกฯ เผยอยู่เมืองยิ้มไม่ออก หลายเรื่องกดดัน ยัน "บัตรคนจน" ไม่ใช่หาเสียง ยัน ไม่เคยปฏิเสธเลือกตั้ง ดักคอนักการเมืองอย่าทำปชช. ผิดหวังซ้ำซาก มัวแต่ขายฝัน

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.61 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้ง 36 เรื่อง "การปฏิรูปประเทศสู่ ไทยมั่งคั่ง ไทยมั่นคง ไทยยั่งยืน" ตอนหนึ่งว่า ทุกคนมีความความสำคัญ เป็นเครื่องจักรในการพัฒนาประเทศ ​เป็นกลไกในเรื่องของการค้า เป็นบทบาทสำคัญในการปฏิรูปประเทศไทย ว่าเราจะเป็นประเทศที่จะหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางใน 20 ปี เราถึงกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ใช่สืบทอดอำนาจ และจากการไปต่างประเทศหลายครั้งเขาก็ชื่นชมไทย ทั้งการท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงาม อาหารอร่อย และรอยยิ้มของคนไทย ตนไปต่างประเทศยิ้มมาตลอด แต่พอกลับมาแล้วยิ้มไม่ออก เพราะมีหลายเรื่องกดดันเหมือนกัน

นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลช่วยแก้ไขและอำนวยความสะดวกในสิ่งที่ติดขัดและเป็นปัญหาไปมากแล้ว ในภาคธุรกิจก็ต้องเตรียมพร้อมโดยอาศัยความร่วมมือทุกมิติไม่ใช่แค่รัฐบาล ซึ่งเป็นแค่ผู้อำนวยการแก้ไขข้อบังคับ และกฎหมายบางเรื่องที่ติดขัดเพื่อให้ไร้รอยต่อ เพราะบางอย่างมีแค่นโยบาย จึงต้องปลดล็อกในเรื่องเหล่านี้ วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเราต้องคิดให้ทัน ต้องทำให้คนในประเทศคิดให้ทัน บางทีต้องยอมรับการเติบโตในทางดิจิตอลและการปฏิรูปต่างๆ อย่ามานั่งติติงว่าจะไป 4.0 ได้อย่างไรในเมื่อยังเป็น 0.4 ไม่ใช่หรือ ตนไม่ได้บอกว่าทุกคนในห้องจะไป 4.0 ทั้งหมด อย่าไปกังวลตรงนั้น เราก็จะพัฒนาแต่ละช่วงกันไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ใช่การหาเสียง เวลานี้มีคนที่รายได้ต่ำกว่า 1แสนบาทต่อปี 14.7 ล้านคน แต่จะให้ช่วยทั้งหมด 60 ล้านคนก็ไม่ไหว ก็ต้องไปช่วยอีกแบบ ทั้งนี้ ถ้าอยากจะเอาใจคนก็ให้ไป แล้วคนก็รักแต่ประเทศชาติเสียหายหรือไม่ บัตรประชารัฐก็ต้องดูว่าเอาเงินในส่วนไหนมาให้ในส่วนนี้ แต่ไม่ใช่เอาภาษีไปช่วยคนจนทั้งหมดอย่างที่วิจารณ์ เพราะภาษีมาจากหลายทาง ที่ออกมาบอกว่าว่าจะล้มนั่นล้มนี่ 4 ปีที่ทำมาไม่ได้ง่ายนะ และขออย่ามองว่ารัฐบาลนี้ช่วยแต่คนรวยไม่ช่วยคนจน เพียงเพราะคิดเร็วแต่ไม่เข้าใจปัญหา

นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนตามที่มีการร้องเรียนเข้ามา ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาตนไม่ได้เก่ง แต่ยอมรับว่าปัญหาเยอะและเหนื่อย โดยน่ยกฯ เยอรมนีเขามาถามว่า เป็นผบ.ทบ.แล้วมาเป็นนายกฯเป็นอย่างไร ตนก็ตอบว่า จะเป็นอย่างไรก็เหนื่อย แต่มีกำลังใจอยู่ แค่ไหนก็แค่นั้นขึ้นอยู่กับประชาชน ถ้านึกถึงประเทศเหมือนตอนเป็นผบ.ทบ. เสี่ยงแค่ไหนก็ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ ถ้าไม่มีหน้าที่ตนก็ไม่ทำ

"เราต้องสร้างความเชื่อมั่น ในเมื่อทุกคนบอกว่าเลือกตั้งจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ผมเคยปฏิเสธการเลือกตั้ง ไม่ปฏิเสธประชาธิปไตย ตลอดเวลาทำงานเพื่อหยุดความขัดแย้ง ดังนั้น เลือกตั้งแล้วก็ต้องยอมรับร่วมกันว่าดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น ส่วนการเดินหน้าตามโรดแม็พเป็นไปตามนั้น นักการเมืองที่จะเข้ามาจะทำอะไรวันหน้า อย่าใช้เรื่องความรวยมหาศาล หรือจนมหาศาลมาหากินทางการเมือง ซึ่งคนที่หาเสียงบอกว่าจะแก้ปัญหาอย่างโน้นอย่างนี้ต้องให้นักการเมืองและพรรคการเมืองอธิบายด้วยว่า ปลดล็อกแล้วเขาจะทำอะไรให้ประเทศไทย ถ้าไม่มีวิธีการก็อย่าไปเชื่อ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง และต้องให้บอกด้วยว่าจะแก้ไขปัญหาทุจริตอย่างไร เพราะไม่เช่นนั้นจะมาหากินกับคนยากคนจนที่คาดหวังว่าเลือกส.ส.เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา แล้วก็ผิดหวังทุกทีได้กลับไปเหมือนเดิม อย่าให้เขาผิดหวังอีก ส่วนที่บอกว่าการเลือกตั้งเงินจะสะพัดนั้นมาจากการเดินทางไปมาหาสู่ แต่ไม่อยากให้แพร่สะพัดด้วยเงินนอกระบบ 4-5หมื่น ล้าน หรือแสนล้านนั้นคงไม่ใช่เรื่องปกติ" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า มีคนบอกว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทำทำเพื่อแสวงหาอำนาจ เป็นการผูกขาด ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ได้ทำเพื่อตน แต่ทำเพื่อประเทศ ทุกคนต้องพูดอย่างนี้ ว่าจะทำเพื่อประเทศอย่างไร ไม่ใช่บอกว่ายุทธศาสตร์ไม่มีประโยชน์ วันนี้เราเดินหน้าด้วยประชารัฐ ซึ่งมีนักธุรกิจและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แต่มีคนใช้เป็นจุดหากินทางการเมืองว่า คนรวยก็รวย คนจนก็ยิ่งจน นักการเมืองต้องมองไปข้างหน้า อย่าไปฟังคำติติงรัฐบาล ตนก็เลิกฟังแล้ว เสียเวลา ชอบถามยั่วอารมณ์ รู้ว่าตนยั่วขึ้นหรือไง ตนต้องทำตัวให้เย็นลง ขออย่างเดียวสัญญาว่าจะช่วยตน ข้าราชการก็ต้องช่วยกัน

นายกฯ กล่าวว่า คดีทุจริตเข้าสู่กระบวนการไปตั้งเท่าไหร่แล้วในยุคนี้ ตนไปยุ่งมากๆ ก็ไม่ได้ ทั้งนี้ ตนไม่ได้ไปไล่ล่าฆ่าฟันใคร และเปิดให้ต่อสู้ทั้ง 3 ศาล ชนะก็แล้วไป แต่ถ้าแพ้ก็ต้องถูกดำเนินคดี ยืนยันว่าตนไม่มีผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว ส่วนเรื่องทุจริตอื่นๆก็ส่งเรื่องมาตนก็ตรวจสอบให้หมด แต่พอตรวจสอบแล้วไม่มีหลักฐานก็มาบอกว่าตนไม่เอาจริง มันไม่ใช่ มันมีกระบวนการ จะให้เอาไปติดคุกหมดก็ไม่ใช่ เวลานี้ตนตั้งผู้ว่าฯเป็นนายกฯท้องถิ่นเพื่แแก้ปัญหา ถ้าทำไม่ได้ให้ส่งขึ้นมา อย่าให้ลงไปล่วงลูกถึงข้างล่าง วันนี้พูดเสร็จกลับไปปวดหัวทั้งวัน ตนไม่ค่อยได้มีโอกาสรื่นเริง หลายปี ทำงานกลับบ้านเข้าทำเนียบฯ ไปต่างประเทศกลับบ้านเข้าทำเนียบฯ แต่บ่นไม่ได้ เขาบอกว่า คนเป็นนายกห้ามบ่น ต้องพูดเพราะๆ สวัสดีครับ ยิ้ม ใครจะถามอะไรก็แล้วแต่ ก็พูดว่า ครับผมๆ บางทีเขาก็ถามผมคำเดิม คนแรกถามคำถามนี้ พอคนที่10 ก็ถามคำถามแรก เขาบอกผมไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ถ้าไม่ตอบก็หาว่างอน โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จสิ้นปาฐกถา นายกฯ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด ระบุแต่เพียงว่า "ลาก่อน" โดยไม่ได้ชายตามองแม้แต่น้อย