นายกรัฐมนตรี สั่งเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมภาคใต้ ย้ำต้องไม่มีคนบาดเจ็บล้มตาย
เวลา 09.00 น. (11 ต.ค.61) ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 16 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมการเตรียมการับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน
โดยมีผู้ว่าราชการ 16 จังหวัดภาคใต้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, กรมอุตุนิยมวิทยา, กรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น
ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” ว่า ทางรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา รัฐมนตรว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำว่าปีนี้ในภาคใต้จะต้องไม่มีคนบาดเจ็บ ล้มตายอันเกิดมาจากภัยพิบัติธรรมชาติเกิดขึ้น
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการหรือศูนย์ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแจ้งเตือนภัยทุกรูปแบบไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งระบบการเฝ้าระวังและการเตือนภัยในขณะนี้ถือว่ามีความพร้อม
ต่อมาก็คือระบบการกักเก็บน้ำของแหล่งน้ำขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีเขื่อนขนาดใหญ่ในการเก็บ รวมไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพี่น้องประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการกักเก็บน้ำเพื่อช่วยลดปริมาณน้ำท่วมให้น้อยลง
รวมถึงระบบการระบายน้ำ เพื่อให้น้ำไหลลงทะเลในเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งในปีนี้ระบบการระบายน้ำถือว่าดีกว่าที่ผานมา เนื่องจากรัฐบาลให้งบประมาณเพิ่มมาเพื่อนำมาพัฒนาระบบการระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เชื่อว่าในปีนี้ระบบระบายน้ำดีกว่าปีที่แล้วเยอะ
“ภาคใต้ปีนี้ถ้าน้ำจะท่วมก็ท่วมไม่นาน และท่วมไม่สูงเท่ากับปีที่แล้ว ยกเว้นฝนเทลงมา 3 วัน 3 คืนไม่มีหยุดเลยอย่างนี้ก็คงต้องหาทางในการเร่งระบายน้ำให้มากขึ้น” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวและว่า สำหรับพื้นที่เสี่ยงใน 16 จังหวัดภาคใต้ที่มีอยู่ 75 จุด ซึ่งทั้งหมดมีโอกาสที่กิดวิฤติได้ทั้งนั้น เพราะว่าขึ้นอยู่กับฝนหนักเข้าในจุดไหน หลายจังหวัดเคยเจอหนักมาแล้ว ฉะนั้นเราต้องติดตามสถานการณ์ให้ใกล้ชิดที่สุด
“ภายใน 1 สัปดาห์นี้ ขอให้นำพื้นที่เสี่ยงที่คาดว่าน่าจะหนักที่สุดมานั่งวิเคราะห์กันอีกครั้งว่าพื้นที่ไหนอย่างไร ตอนนี่ยังไม่กล้าตอบว่าตอนนี้พื้นที่ไหนมีความเสี่ยงมากที่สุด ต้องเอาข้อมูลมาดูอย่างรอบคอบอีกครั้งว่าพื้นที่ไหนที่มีความเสี่ยงสูงโดยดูจากหลายๆองค์ประกอบ ดูปริมาณฝน ดูสถิติโอกาสที่น่าจะเกิดขึ้นหนักที่สุด”
วันเดียวกันก็ได้มีการปล่อยขบวนเคลื่อนย้ายเครื่องจักรไปยังจุดต่างๆเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆของภาคใต้ ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำ 453 เครื่อง, เครื่องผลักดันน้ำ 300 เครื่อง, รถแทรกเตอร์/รถตัก 108 คัน และเครื่องจักรสนับสนุนอื่นๆอีก 245 หน่วย รวมทั้งสิ้น 1,106 หน่วย
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า เครื่องจักรทั้งหมดถูกกระจายไปยังจุดต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและตลอด 24 ชั่วโมง และให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบความมั่นคงของอาคารชลประทานให้สามารถใช้งานและรองรับปริมาณน้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ
สำหรับพื้นที่หรือจุดเสี่ยงภัยน้ำท่วมภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรี ลงไปจนถึงจังหวัดนราธิวาสมีทั้งสิ้น 75 จุด กรมชลประทานได้เตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รวมทั้งเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ ประจำการไว้ในพื้นที่แล้ว ซึ่งจะสามารถปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา
“การเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดภาวะน้ำท่วมเป็นพิเศษในแต่ละจังหวัด การควบคุมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด การวางแผนบริหารจัดการ (แผนเผชิญเหตุ) ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเป็นประจำทั้ง 16 จังหวัดภาคใต้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยพ.ศ.2561” อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว