ราชทัณฑ์ส่งนักโทษทำงานรง. เช้าไป - เย็นกลับ ได้ค่าแรงวันละ 325 บาท

ราชทัณฑ์ส่งนักโทษทำงานรง. เช้าไป - เย็นกลับ ได้ค่าแรงวันละ 325 บาท

"ราชทัณฑ์" ส่งนักโทษทำงานโรงงาน เช้าไป - เย็นกลับ ได้ค่าแรง 325 บาทต่อวัน พร้อม พร้อมจัดวงเงินกู้ไม่เกิน 2 แสนบาท ให้กับกลุ่มรับทำไปทำที่บ้าน

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.61 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ต้องขังชั้นดีที่ออกมาฝึกทักษะอาชีพในสถานประกอบการ

พล.อ.อ. ประจิน กล่าวว่า วันนี้เป็นการตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ต้องขังชั้นดีที่ออกมาฝึกทักษะการทำงานภายนอกเรือนจำที่บริษัทเกรทวอลล ซึ่งเป็นการติดตามและขับเคลื่อนการส่งเสริมการมีงานทำ หลังจากที่ได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือตาม "โครงการประชารัฐ ร่วมสร้างงาน สร้างอาชีพผู้ต้องขัง" ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมราชทัณฑ์ กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ต้องขัง ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมด้านทักษะฝีมือ จริยธรรม รวมถึงสร้างรายได้ให้เป็นเงินทุนนำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษ และไม่หวนไปกระทำผิดซ้ำ ทั้งนีกรมราชทัณฑ์ได้ส่งผู้ต้องขังชั้นดีออกไปฝึกทักษะฝีมือ ซึ่งบริษัทเกรทวอลลได้รับผู้ต้องขังสมัครเข้าทำงานในตำแหน่งต่าง ๆ คือ พนักงานจัดส่ง พนักงานประกอบประตู ช่างเชื่อม ช่างประกอบ และช่างปูกระเบื้องยาง ได้รับอัตราค่าจ้างวันละ 325 บาทต่อคน

ด้านพล.ต.อ. อดุลย์ กล่าวว่า โครงการประชารัฐ ร่วมสร้างงาน สร้างอาชีพผู้ต้องขัง มีเป้าหมายการดำเนินงาน 37,000 คน มีผลการดำเนินงาน ดังนี้ กลุ่มที่ 1 ดำเนินการก่อนพ้นโทษ เป้าหมาย 37,000 คน มีผลการดำเนินงาน รวม 35,097 คน ช่วงที่ 1 ฝึกทักษะและนำชิ้นงานเข้าไปทำในเรือนจำ เป้าหมาย 27,000 คน ผลการดำเนินงาน 24,562 คน แยกเป็น 1) นำชิ้นงานเข้าไปผลิตในเรือนจำ จำนวน 18,793 คน เช่น ถักอวน ปักผ้า สานตะกร้า ประดิษฐ์ดอกไม้ พับถุงกระดาษ ทำห่วงทองรูปพรรณ เป็นต้น 2) ฝึกทักษะอาชีพในสถานประกอบการ จำนวน 1,266 คน เช่น ช่างซ่อมเครื่องยนต์ ช่างติดตั้งเหล็กโครงสร้างมวลเบาและหลังคา นวดแผนไทย ล้างอัดฉีด เป็นต้น. 3) ฝึกทักษะฝีมือแรงงาน จำนวน 4,503 คน เช่น ช่างปูกระเบื้อง ก่ออิฐฉาบปูน ช่างไฟฟ้า ทำขนมไทย เป็นต้น

ช่วงที่ 2 เตรียมความพร้อมก่อนพ้นโทษ เป้าหมาย 10,000 คน มีผลการดำเนินงาน 10,535 คน โดย แนะแนวอาชีพ สาธิตการประกอบอาชีพอิสระ และบริการจัดหางาน แล้ว จำนวน 7,211 คน และทดสอบความพร้อมทางอาชีพ จำนวน 3,324 คน กลุ่มที่ 2 การดำเนินการหลังพ้นโทษ ได้รับการจ้างงาน แล้วจำนวน 394 คน เช่น พนักงานฝ่ายผลิต พนักงานรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ประกอบอาชีพอิสระ จำนวน 71 คน เช่น เพาะเห็ดฟาง ช่างเชื่อม รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งบริษัทเกรทวอลลฯ ที่มาตรวจเยี่ยมในวันนี้ มีการจ้างงานผู้ต้องขังอยู่แล้วในตำแหน่งพนักงานทั่วโดยเป็นผู้ต้องขังชาย จำนวน 21 คน (ทำงานทั่วไป 16 คน ทำงานที่มีทักษะ 5 คน) มีผู้ควบคุมดูแลจากเรือนจำ 2 คน ทำงานวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 08.00 -17.00 น. มีรถรับ-ส่ง จากเรือนจำ พร้อมมีอาหารมาจากเรือนจำ ซึ่งทางบริษัทฯ มีอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยในการทำงานให้ เช่น รองเท้าเซฟตี้ ปลั๊กอุดหู เป็นต้น ทางบริษัทฯ รับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน 7 คน ปัจจุบันเหลือ 4 คน

รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมีอีกหลายสถานประกอบการที่รับผู้พ้นโทษเหล่านี้เข้าทำงาน เช่น บริษัท เอ็ดดี้ โกล์ด จำกัด (ทำทอง) โรงงานอุตสาหกรรมกระเบื้องดินเผา เด่นจันทร์ เป็นต้น นอกจากนี้กระทรวงแรงงาน ยังมีการส่งเสริมการรับงานไปทำที่บ้าน โดยผู้พ้นโทษที่สนใจจะประกอบอาชีพอิสระ สามารถจดทะเบียนเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้าน และกระทรวงแรงงานมีกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน สำหรับให้ผู้รับงานกู้ยืมเงินเพื่อไปซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการผลิต หรือขยายการผลิตเพื่อสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับผู้รับงานไปทำที่บ้านได้อีกด้วย โดยมีวงเงินปล่อยกู้ตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ระยะเวลาผ่อนชำระ 2-5 ปี ทั้งหมดนี้เป็นการเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญของรัฐในการมุ่งเน้นให้คนไทยทุกช่วงวัยมีงานทำอย่างทั่วถึง มีอาชีพที่สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับตนเอง ปรับเปลี่ยนทัศนคติของสังคมให้เกิดการยอมรับและให้โอกาสผู้พ้นโทษในการกลับเข้าสู่สังคม โดยสามารถขับเคลื่อนให้เป็นสังคมที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นการพัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้น และมุ่งสู่สังคมที่ไม่ทอดทิ้งใครไว้เบื้องหลัง

พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ภายหลังกรมราชทัฯฑ์คัดเลือกผู้ต้องขังตั้งแต่ชั้นกลางขึ้นไป ออกมาฝึกทักษะอาชีพในสถานประกอบการต่างๆยังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด โดยภาคเอกชนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งจนถึงขณะนี้กรมราชทัณฑ์ส่งผู้ต้องขังออกมาฝึกทักษะแล้วกว่า 1,000คน เป็นผู้ต้องขังชั้นกลางขึ้นไป เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี เพื่อไม่ให้เกิดแรงจูงใจในการหลบหนี โดยมีแนวคิดจะแก้ไขระเบียบให้ผู้ต้องขังที่ออกมาฝึกทักษะในสถานประกอบการให้ได้รับการลดวันต้องโทษด้วย

พ.ต.อ.ณรัชต์. กล่าวถึงผู้ต้องขังหญิงที่ได้รับการฝึกอาชีพนวดแผนโบราณว่ากรมราชทัณฑ์ได้เสนอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขระเบียบข้อบังคับ เพื่อให้ผู้ต้องขังหญิงที่มีทักษะการนวดเมื่อพ้นโทษออกมาสามารถไปประกอบอาชีพนวดแผนไทยได้และไม่กลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก