ศธ.จ่อผุด 'ห้องเรียนดนตรี' ตั้งเป้าเริ่มในปีการศึกษา 61
ศธ.จ่อผุด "ห้องเรียนดนตรี" ให้ใช้โมเดลห้องเรียนกีฬามาขยายผล ตั้งเป้าเริ่มในปีการศึกษา 61 เผยไม่ขัดข้อง ก.วิทย์ขอโอนท้องฟ้าจำลอง-อุทยานฯหว้ากอดูแลเอง
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2561 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบมติที่ประชุมรณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เกี่ยวข้องกับ ศธ. โดยมีเรื่องโครงการห้องเรียนกีฬา ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมเด็กที่มีความสามารถทางด้านกีฬาได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้องเหมาะสม ให้ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าซึ่งดำเนินการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และภูมิภาคต่างๆ ซึ่งมีผลงานดีมากและถือเป็นความสำเร็จของรัฐบาล ดังนั้น จึงมอบหมายให้องค์กรหลัก ศธ.ดำเนินการขยายผลไปสู่เด็กที่มีความสามารถอื่นๆ โดยจะทำเป็นห้องเรียนดนตรีให้เกิดขึ้นในทุกภูมิภาค
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ได้แจ้งที่ประชุมองค์กรหลักด้วยว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ประสานมายัง ศธ. เพื่อศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ และอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่อยู่ในการดูแลของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ไปดูแล ซึ่งที่ประชุมก็ไม่ขัดข้อง อย่างไรก็ตาม จากนี้จะต้องไปข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบุคลากร ส่วนตัวเห็นว่าการดำเนินการโอนย้ายน่าจะทำไปในภาพรวมทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการตกลงกันแต่เรื่องนี้ก็จะต้องเสนอ (ครม.)
ด้าน ดร.พะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ในฐานะโฆษก ศธ.กล่าวว่า นพ.ธีระเกียรติ มองว่านอกจากเด็กความสามารถด้านกีฬาแล้ว ควรขยายผลไปสู่เด็กกลุ่มอื่นๆ โดยเริ่มนำร่องเป็นโครงการห้องเรียนดนตรี ที่ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มาช่วยกันพัฒนาเด็กที่มีความสามารถด้านดนตรี โดยคาดว่าจะเริ่มรับนักเรียนได้ในปีการศึกษา 2561 ส่วนจะดำเนินการกี่โรงนั้นอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะใช้รูปแบบของโครงการห้องเรียนกีฬา ที่พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ รับผิดชอบเป็นโมเดลดำเนินการ ซึ่งพล.อ.สุรเชษฐ์ จะเข้ามาช่วยดูแลโครงการดังกล่าวนี้ด้วย
อนึ่ง โครงการห้องเรียนกีฬา นั้นเริ่มดำเนินการครั้งแรกในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้เด็กและเยาวชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เรียนตามความถนัดและความสนใจในหลักสูตรวิทยาศาสตร์-กีฬา และศิลป์ (ภาษาอังกฤษ)-กีฬา โดยเริ่มรับนักเรียนในปีการศึกษา 2558 มีโรงเรียนเข้าร่วม 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ.ยะลา และโรงเรียนรือเสาะชนูปถัมภ์ จ.นราธิวาส ต่อมาปีการศึกษา 2559 ได้ขยายผลเพิ่มอีก 4 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนมัธยมสุไหงปาดี จ.นราธิวาส โรงเรียนโพธิ์คีรีราชศึกษา จ.ปัตตานี โรงเรียนละงูพิทยาคม จ.สตูล และโรงเรียนนาทวีวิทยาคม จ.สงขลา รวมเป็น 6 แห่ง ครอบคลุมทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอีก 9 แห่งใน 8
จากนั้นได้เริ่มขยายผลไปสู่โรงเรียนในภูมิภาคต่าง ๆ ใน 8 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย มหาสารคาม กระบี่ สมุทรสาคร ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ อุดรธานี ชุมพร จำนวน 9 โรงเรียน ได้แก่ ที่โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ โรงเรียนราชินูทิศ 2โรงเรียนอุดรพัฒนาการ โรงเรียนทุ่งตะโกวิทยา โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม โรงเรียนสารคามพิทยาคม โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย กระบี่ และโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ สมุทรสาคร







