สนช.เตรียมถกกม.ผู้สูงอายุ - กม.การบริหารหนี้สาธารณะ 16 พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 16 พ.ย.2560 มีวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว (วาระ2และ3 ) จำนวน 2 ฉบับคือ ร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ(ฉบับที่ ...)พ.ศ... และร่างพ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ พ.ศ... )
โดยร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ(ฉบับที่ ...)พ.ศ.. มี 6 มาตรา มีสาระสำคัญคือ การนำเงินกองทุนจากภาษีบาป 2% หรือ 4,000 ล้านบาทต่อปี มาเพิ่มเป็นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เดือนละ 100 บาท เช่น คนที่อายุเกิน 60 ปี จากเดิมได้เบี้ยยังชีพ 600 บาท เพิ่มเป็น 700 บาท คนที่อายุเกิน 70 ปี จากเดิมได้ 700 บาท เพิ่มเป็น 800 บาท โดยยึดจากบัญชีผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนเบี้ยยังชีพ จำนวน 2.15 ล้านคน โดยจะเป็นผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย และไม่ใช่ข้าราชการ หรือได้รับบำเหน็จบำนาญอย่างอื่น ทั้งนี้ ในส่วนภาษีบาป 2% จะถูกนำมาเพิ่มค่าเบี้ยยังชีพจำนวน 2,400 ล้านบาทต่อปี ส่วนที่เหลืออีก 1,600 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้เป็นสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ เช่น การซ่อมแซมและสร้างบ้านเรือนผู้สูงอายุ การดูแลผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง การจัดกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุ แต่หากเงินบำรุงกองทุนเกิน 4,000 ล้านบาทให้นำเงินส่วนที่เกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ส่วนร่างพ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ พ.ศ... ) มีทั้งหมด 15 มาตรา โดยเป็นการกำหนดขอบเขตของคำนิยามคำว่า หนี้สาธารณะ ให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยไม่รวมหนี้ของรัฐวิสาหกิจ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ หรือธุรกิจประกันสินเชื่อโดยกระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกัน และหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ มีรมว.คลังเป็นประธาน เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ รวมทั้งให้อำนาจคณะกรรมการกองงทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ และหลักเกณฑฺ์การลงทุนกองทุนเพื่อให้การดำเนินงานของกองทุนมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีวาระพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว จำนวน 7 เรื่องแยกเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ 1 เรื่อง คือ รายงานผลการศึกษาเรื่อง สถานการณ์คนต่างด้าวในประเทศไทย อีก 6เรื่องเป็นรายงานของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ รายงานการพิจารณาศึกษากรณีน้ำมันรั่วไหลบริเวณพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชุม พ.ศ. รายงานผลการศึกษาเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาทรรศะอุจาด เป็นต้น