SAWAD - ซื้อ

การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อที่แข็งแกร่งในปี 2561
ประเด็นการลงทุน
เราได้ปรับคาดการเติบโตสินเชื่อของ SAWAD เป็น 37% ในปี 2560 (จากเดิมที่ 32%) และเป็น 28% ในปี 2561 (จากเดิม 20%) หนุนโดยสินเชื่อเติบโตแข็งแกร่งที่ 24% YTD ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 จากมาจากผลการควบรวมพอร์ตสินเชื่อกับบริษัทศรีสวัสดิ์ไฟแนนซ์ (เปลี่ยนชื่อมาจาก กรุงเทพธนาทร BFIT) ดังนั้น เราจึงปรับประมาณการกำไรขึ้น 4% สำหรับปี 2560 มาอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท และปรับขึ้น 9% สำหรับปี 2561 มาอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท
SAWAD มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ วันที่ 30 มิ.ย. ที่เพียง 2.4 เท่า ซึ่งห่างกับเงื่อนไขการออกตราสารหนี้ที่มีเพดานไม่เกิน 4.0 ของส่วนทุนเท่าอยู่มาก (การเข้าไปซื้อ BFIT ทำให้ บริษัทสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อได้มากถึง 10 ของส่วนทุนโดยไม่ต้องเพิ่มทุนอีกนานหลายปี)การเพิ่มประมาณกำไรส่งผลให้เราปรับราคาเป้าหมายหุ้นไปยังปี 2560 มาอยู่ที่ 75.00 บาท จากการประเมินตามเป้า PBV ปี 2560 ที่ 6.3 เท่า (ROE 31%, Ke 9.2% และการเติบโตของ
อุตสาหกรรมกลุ่มสถาบันการเงิน/ธนาคารที่ 5%) เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ศรีสวัสดิ์ ไฟแนนซ์ – เพิ่มแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อ
จากการที่ SAWAD ควบรวมพอร์ตสินเชื่อของ BFIT (เปลี่ยนชื่อเป็น ”บริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน)”) ในไตรมาส 1/60 ทำให้สินเชือเติบโตขึ้น
อย่างมาก การควบรวมสินเชื่อกับ BFIT ทำให้บริษัทเสมือนได้ใบอนุญาตกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย และเปลี่ยนการดำเนินงานจากอยู่ภายใต้การกำกับดู
จากกระทรวงพาณิชย์มาเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้เราคาดว่า SAWAD จะเพิ่มการขยายสินเชื่อได้จาก 4 เท่าของเงินกองทุนเป็น 10 เท่า ซึ่งทำให้การ
เติบโตของสินเชื่อมีแนวโน้มมากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มทุนอีกหลายปี ยิ่งไปกว่านั้น BFIT ยังเป็นแหล่งต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่าของ SAWAD อีกด้วย
อัพไซด์กำไรจากการซื้อหนี้มาบริหารและการลงทุนใน BFIT
เนื่องจากไตรมาสสอง SAWAD ซื้อหนี้(ทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ส่วนใหญ่มีหลักประกันเป็นที่ดิน) 3.4 พันล้านบาท YTD (โดยปกติแล้วจะรับหนี้ที่ไม่
ก่อให้เกิดรายได้ในราคาถูกกว่าตลาด 40% ) อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้นำปัจจัยนี้เข้ามาในประมาณการของเรา หากแต่ใน เนื่องจากเนื่องจากกำไรจาก
ธุรกิจนี้ยากที่จะคาดการณ์ แต่จากประสบการณ์ของเรา โดยปกติทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้ผลตอบแทนประมาณ 25% โดยหากทาง SAWAD สามารถ
จัดการหนี้ที่ไม่ก่อใหเกิดรายได้ 3.4 พันล้านบาทในปีนี้ จะทำให้เกิดกำไร 850 ล้านบาท ขณะที่บริษัทซื้อหุ้นของ BFIT เพิ่มอีก 35% (โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่
35.25 บาท เทียบกับที่ 18.50 ในเดือน มิ.ย. 2560) นั่นหมายความว่า SAWAD มีกำไรที่ยังไม่รับรู้มีถึง 1.3 พันล้านบาทจากการถือหุ้น BFIT 36% ในปัจจุบัน
คาดกำไรไตรมาส 3/60 เติบโตแกร่ง 29% YoY
เราคาด SAWAD จะรายงานกำไรเติบโต 29% YoY และ 11% QoQ มาอยู่ที่ 700 ล้านบาทในไตรมาส 3/60 หนุนโดยสินเชื่อเติบโตแกร่ง 40% YoY และรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 65% YoY เราประเมินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้น 31% YoY มาอยู่ที่ 776 ล้านบาท หลักๆมาจากค่าใช้จ่ายในการขยาย
สาขา บริษัทมีสาขาเพิ่มเป็น 2,383 แห่ง ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2560 จาก 2,130 แห่งปลายปีก่อน เราคาดการตั้งสำรองฯ จะอยู่ที่ 75ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97%
YoY เพื่อให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงขึ้นจาก 94% ในไตรมาส 2/60 มาแตะ 100% ในไตรมาสนี้ อีกทั้งเราคาด
อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ไตรมาสนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 43% จาก 45% ในไตรมาส 2/59 เนื่องจากการประหยัดขนาดของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นมากในไตรมาสนี้




