หมู่บ้านตุลาการ-ข้าราชการศาลปกครอง โดนตีนแมวบุกกวาดทรัพย์สินต่อเนื่องหลายสิบครั้ง ทั้งหมู่บ้านเหลืออีก 2 หลัง ยังรอด บางรายสุดทนปล่อยกระแสไฟฟ้าหวังช๊อตโจร
นายวัชระพงศ์ พูนพิพัฒน์ และนายอภิเชษฐ์ สุขแก้ว พนักงานคดีปกครองศาลปกครองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายบุกเข้าไปงัดบ้านและโจรกรรมทรัพย์สินภายในบ้าน ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านอุทยานทักษิณนคร ตำบลนาพรุ อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช นำเข้าไปดูสภาพบ้านของตัวเองที่เพิ่งถูกคนร้ายเข้าโจรกรรมทรัพย์สินเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา
และบ้านอีกหลายหลังซึ่งเป็นบ้านพักของอธิบดีศาลปกครองนครศรีธรรมราช รองอธิบดีศาลปกครอง ตุลาการหัวคณะในศาลปกครอง ข้าราชการศาลปกครอง รวมทั้งข้าราชการหน่วยงานอื่นๆอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จำนวนมาก โดยมีบ้านที่ยังไม่ถูกคนร้ายเข้าไปโจรกรรมอีก 2 หลังเท่านั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำซากต่อเนื่องมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งทั้งหมู่บ้านถูกคนร้ายเข้าก่อเหตุแล้วไม่นับสิบๆครั้ง แต่ทุกคดียังไม่สามารถติดตามคนร้ายมาดำเนินการได้ นายอภิเชษฐ์ สุขแก้ว พนักงานคดีปกครอง ระว่าบ้านพักเฉพาะในส่วนของศาลปกครองนครศรีธรรมราช เช่นนายโสภณ บูลกุล อธิบดีศาลปกครอง ซึ่งปัจจุบันไปดำรงตำแหน่งที่ศาลปกครองสงขลาแล้ว ถูกกวาดทรัพย์สินไปจำนวนมาก นายสมยศ วัฒนภิรมย์ รองอธิบดีศาลปกครอง นายสามเกียรติ แสงรุ่ง ตุลาการหัวหน้าคณะ เจ้าหน้าที่อีกหลายคน ข้าราชการครู ข้าราชการฝ่ายปกครอง ไม่เว้นแม้แต่ทหารที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ต่างถูกคนร้ายเข้าก่อเหตุเป็นว่าเล่น
บางรายเจ้าของบ้านเครียดถูกยกเค้าทรัพย์สินทั้งบ้านยอมที่จะไม่ซื้อของใช้มาเพิ่มอยู่แบบตามมีตามเกิด บางหลังเจ้าของยอมที่จะรื้อประตูออกแล้วก่ออิฐโบกปูนป้องกันคนร้ายให้เหลือทางเข้าออกเพียงทางเดียว บางหลังวางกับดักปล่อยกระแสไฟฟ้าพร้อมทั้งขึ้นป้ายเตือนห้ามเข้าหากไฟช๊อตตายไม่รับผิดชอบ ทุกคดีได้แจ้งความมาตลอด แต่ทุกคดีมีสภาพเหมือนกันคือเงียบเฉย ตำรวจอ้างว่าไม่มีหลักฐานซึ่งคงเหลือเพียงแค่ว่าหากเจ้าของบ้านมาพบแล้วคงต้องจับมัดแล้วโทรศัพท์ให้ตำรวจมารับตัวแล้ว
นายอภิเชษฐ์ ยังกล่าวด้วยความคับแค้นว่า ทุกวิธีโจรเข้ามาก่อเหตุได้อย่างย่ามใจปีนหลังคาเจาะฝ้า งัดประตู หน้าต่าง เหลือทางเดียวคือการมุดดินเข้ามาโจรกรรม ซึ่งหากมุดดินได้มันคงมุดไปแล้วเพราะใครก็ทำอะไรไม่ได้
สำหรับหมู่บ้านอุทยานทักษิณนคร เป็นหมู่บ้านที่มีตุลาการชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชการศาลปกครองอาศัยเป็นจำนวนมากเนื่องจากอยู่ใกล้กับศาลปกครอง รวมทั้งมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หน่วยงานอื่นๆอีกหลายราย ต่างอยู่ในสภาพกังวลเมื่อเดินทางไปทำงาน คนร้ายจะอาศัยช่วงเวลากลางวันเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อมีการแจ้งความแล้วตำรวจจะมาที่เกิดเหตุตามขั้นตอนปฏิบัติปกติ และทุกคดียังไม่มีการจับกุมหรือมีเบาะแสใดๆจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่ข้าราชการและชาวบ้านที่อาศัยในหมู่บ้านพยายามที่จะหาเบาะแสติดตามคนร้ายด้วยตัวเองแล้ว