เมื่อต้องคำพิพากษา 'ประหารชีวิต' จุดจบเป็นอย่างไร

เมื่อต้องคำพิพากษา 'ประหารชีวิต' จุดจบเป็นอย่างไร

เมื่อต้องคำพิพากษา 'ประหารชีวิต' จุดจบเป็นอย่างไร!!

ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องคำพิพากษา "ประหารชีวิต" เขาคนนั้นย่อมต้องรู้สึกหวาดกลัวในสิ่งที่จะตามมา แล้ว..ขั้นตอนหลังศาลมีคำพิพากษาเป็นอย่างไรกัน

กรณีที่ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา กับน.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว, น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น และ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต, น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ ,นายวศิน นามพรม ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและปิดบังซ่อนเร้นศพ ในคดีร่วมกันฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ยหรือแอ๋ม สาวร้านคาราโอเกะ ซึ่งมีโทษประหารชีวิต ตามกฎหมายนั้น

ตามตัวบทกฎหมายของบ้านเรา ในเรื่อง "ประหารชีวิต" มีขั้นตอนปฏิบัติ ดังนี้

1. เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ประหารชีวิต ศาลก็จะออกหมายเด็ดขาดให้ประหารชีวิตนั้นส่งไปยังเรือนจำ

2. เมื่อพ้นกำหนด 60 วันนับแต่วันมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็จะนำตัวจำเลยหรือผู้ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ไปทำการประหารชีวิต เว้นเสียแต่ว่า ผู้ต้องคำพิพากษาหรือจำเลย ได้ยื่นฎีกาขอให้พระราชทานอภัยโทษภายใน 60 วัน นับแต่วันมีคำพิพากษา (ในความเป็นจริง คงไม่มีผู้ต้องคำพิพากษาประหารชีวิตคนไหน ที่ไม่ยื่นฎีกาขอให้พระราชทานอภัยโทษ ดังนั้นในทางปฏิบัติ เราจะไม่เห็นการประหารชีวิตหลังพ้นกำหนด 60 วันนับแต่วันมีคำพิพากษา)

3. เมื่อผู้ต้องคำพิพากษาประหารชีวิต ยื่นฎีกาขอให้พระราชทานอภัยโทษ ทางราชทัณฑ์ต้องรอฟังพระราชวินิจฉัย หากมีพระราชวินิจฉัยลงมาให้ "ยกฎีกา" ทางราชทัณฑ์ก็ต้องทำการประหารชีวิตจำเลยหรือผู้ต้องคำพิพากษาประหารชีวิตคนนั้นในทันที หากมีพระราชวินิจฉัย ให้ "อภัยโทษ" ก็ขึ้นอยู่กับว่า "อภัยโทษ" อย่างไร เช่น ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ก็บังคับโทษไปตามโทษจำคุกตลอดชีวิต และหากภายหลังถึงคราวจำเลยคนนั้น สมควรได้ลดโทษตามวิธีของราชทัณฑ์ ก็จะแปลงโทษจำคุกตลอดชีวิต เป็นโทษจำคุก 50 ปี เพื่อนำมาเป็นตัวตั้งในการคำนวณลดโทษต่อไป

สำหรับประเทศไทย ได้มีการบังคับโทษประหารชีวิตจริงด้วยการฉีดสารพิษ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2552 หรือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เป็นนักโทษเกี่ยวกับคดียาเสพติดจำนวน 2 ราย หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 8 ปีติดต่อกันแล้วที่ยังไม่มีการประหารชีวิตจริงในทางปฏิบัติแต่อย่างใด และที่ผ่านมาไม่ค่อยมีการประหารชีวิตจริงกับจำเลยหรือผู้ต้องคำพิพากษาประหารชีวิตที่เป็น‘ผู้หญิง’เพราะจะมีแรงต้านอย่างมากจากองค์กรที่คัดค้านโทษประหารชีวิตตามมา