ป.ป.ช.ฟัน18คดีทุจริต ชี้มูล'ตร.-จนท.รัฐ'ส่วนกลาง-ภูมิภาคอื้อ
ฟันล็อตใหญ่ "ป.ป.ช." ชี้มูล18คดีทุจริต บิ๊กตร.ซื้อรถสายตรวจไทเกอร์19,147คัน, ขรก.ระดับสูงกทม.ทุจริตซื้อรถ-เรือดับเพลิง รวมทั้งผู้บริหารสถาบันศึกษา-อัยการประจวบฯ-พนง.รัฐวิสาหกิจ-ท้องถิ่น
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงว่าสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบว่าในรอบเดือนที่ผ่านมาสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่หรือผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัยหรืออัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้วแต่กรณีแล้วจำนวน18 คดีเป็นคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดผู้บริหารมหาวิทยาลัยข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจและพนักงานส่วนท้องถิ่นดังนี้
1.ส่วนกลาง:จำนวน5คดี
1.1ร้องเรียนกล่าวหา(1) พลตำรวจโท ประชิน วารี รองจเรตำรวจ (สบ.9) ฐานะคณะกรรมการประกวดราคา (2) พลตำรวจตรี สมพงษ์ น้าเจริญ รองผู้บังคับการกองบังคับการจเรตำรวจ 4 ฐานะคณะกรรมการประกวดราคา (3) พลตำรวจตรี อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดจันทบุรี ฐานะคณะกรรมการประกวดราคา (4) พลตำรวจตรี สัจจะ คชหิรัญ ผู้บังคับการพลาธิการและสรรพาวุธ (5) นางสาวรักชนก แจ๊ะซ้ายหรือนางสาวสุพิชญา สองมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด (6). นายปิติ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทเกอร์ มอเตอร์ จำกัดว่าทุจริตในการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน)จำนวน 19,147 คัน ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า
(1)พลตำรวจโท ประชิน,(2) พลตำรวจตรี สมพงษ์ และ (3) พลตำรวจตรี อิทธิพล มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง (4)พลตำรวจตรี สัจจะ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542มาตรา12
(5)นางสาวรักชนกหรือนางสาวสุพิชญามีมูลความผิดทางอาญาฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือโดยการเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542มาตรา4
(6).นายปิติมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนนางสาวรักชนกหรือนางสาวสุพิชญ และบริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2542มาตรา4ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา86
1.2ร้องเรียนกล่าวหา(1) นายสุวิทย์ ศิลาทอง ผู้อำนวยการกองกฎหมายและคดีกรุงเทพมหานคร ในฐานะกรรมการพิจารณารายละเอียดการจัดซื้อรถดับเพลิงและอุปกรณ์ ในฐานะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ (2)นางสาวสุทิพย์ทิพย์สุวรรณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรุงเทพมหานคร ในฐานะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ (3) พันตำรวจเอก พิชัย เกรียงวัฒนศิริ รองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ (4) พันตำรวจโท รักศิลป์ รัตนวราหะ เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 7 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ว่าทุจริตในการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า
(1) นายสุวิทย์ (2) นางสาวสุทิพย์ (3) พันตำรวจเอก พิชัย และ (4) พันตำรวจโท รักศิลป์ ในฐานะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12
1.3ร้องเรียนกล่าวหานายอรัญ โสตถิพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการรัฐสภา สถาบันพระปกเกล้าว่าทำสัญญาจ้างบริษัท เทเลโทรล วัน จำกัด ออกแบบ ศึกษา และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระหว่างรัฐสภาและสถาบันพระปกเกล้าโดยไม่มีอำนาจ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่านายอรัญมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 ฐานทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ หรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความหรือแก้ไขด้วยประการใด ๆในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสารโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ฐานปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มาตรา 265 และฐานใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิด ตามมาตรา264มาตรา265 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามมาตรา 268
1.4ร้องเรียนกล่าวหา(1)นาวาตรี ปรารมภ์หรือปารมต์ โมกขะเวส ผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด (2). นายกิตติชัย ริมกีรติกุล ผู้จัดการฝ่ายวางแผนและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด ว่าแต่งตั้งบริษัทตัวแทนโดยไม่มีอำนาจ,จ่ายเงินค่านายหน้า ค่าส่วนลด ฯลฯ ให้บริษัทตัวแทนโดยไม่มีอำนาจ,ผ่อนผันการชำระหนี้โดยไม่หักกลบลบหนี้,ทุจริตในการเบิกจ่ายเงินค่าเลี้ยงรับรอง และละเว้นไม่แจ้งเรื่องการยกเลิกสัญญาเช่าเรือTMN1 ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า
(1)กรณีแต่งตั้งตัวแทนโดยไม่มีอำนาจและกรณีผ่อนผันการชำระหนี้โดยไม่หักกลบลบหนี้นั้นนาวาตรี ปรารมภ์หรือปารมต์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่องค์การบริษัท จำกัด และเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 และมาตรา 11
(2)กรณีละเว้นไม่แจ้งเรื่องการเลิกสัญญาเช่าเรือTMN1ให้ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือสงขลา และกองนำร่องทราบ เจตนาให้บริษัท ออนเวิร์ดอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ใช้ชื่อบริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด ในการเดินเรือ ภายหลังสัญญาเช่าเรือTMN1 สิ้นสุดลงเป็นเหตุให้ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือสงขลา และกองนำร่องเรียกร้องให้ บริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด ชำระค่าภาระเรือTMN1 เป็นเงินจำนวน 3,598,006.14 บาทนั้นนายกิตติชัยมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11
1.5ร้องเรียนกล่าวหา(1)นาวาตรี ปรารมภ์หรือปารมต์ โมกขะเวส ผู้อำนวยการบริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด (2) นายทัศพงศ์ วิชชุประภา รองผู้อำนวยการ (3) นายกิตติชัย ริมกีรติกุล รองผู้อำนวยการ (4) นายวิสุทธิ์ วนิชกีรติ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด และผู้จัดการฝ่ายจัดการขนส่ง (5) นายสชา พุ่มไม้ เจ้าหน้าที่บริหารการตลาด 3 (6) บริษัท เฟรท คอนโซลิเดเตอร์ แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด (FCT)(7) นายยอดยิ่ง วีระเมธี ว่าออกใบตราส่งให้แก่ลูกค้าทั้งที่ไม่มีนิติสัมพันธ์ ออกใบตราส่งโดยเปลี่ยนชื่อเรือโดยมิชอบ และรับรองค่าระวางเรืออันเป็นเท็จ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่ากรณีออกใบตราส่งโดยเปลี่ยนแปลงชื่อเรืออันเป็นเท็จนั้น
(1)นาวาตรี ปรารมภ์หรือปารมต์ และ (2) นายทัศพงศ์ฯ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
(3) นายกิตติชัย มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
(4) นายวิสุทธิ์ และ (5) นายสชา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น และเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา8และมาตรา11
(6) บริษัท เฟรท คอนโซลิเดเตอร์ แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด (FCT)และ (7) นายยอดยิ่งมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา8ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา86
2.จังหวัดชลบุรี:จำนวน 1 คดี
ร้องเรียนกล่าวหารองศาสตราจารย์ ไพบูลย์มากจันทร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก จังหวัดชลบุรีว่าทำสัญญากู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อชำระหนี้ค่าก่อสร้างหอพักนักศึกษาในขณะที่ถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่ารองศาสตราจารย์ ไพบูลย์มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157
3.จังหวัดปทุมธานี:จำนวน2คดี
3.1ร้องเรียนกล่าวหา(1) นายสมบูรณ์ วงศ์ภักดี ผู้จัดการสาขาอาวุโส ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สาขารังสิต (2) นายศตวรรษ จิตราคนี ผู้จัดการด้านธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สาขารังสิต (3) นายวิรัช เอี่ยมเตชะ ผู้จัดการด้านสินเชื่อ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สาขารังสิต (4) บริษัท ก.สยาม จำกัด (5). นายสมร โครวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ก.สยาม จำกัด (6) บริษัท เอ็ม.บี.อาร์. จำกัด (7) นายวรรณชัย อาศรมเกษร หรือนายเมธิวัจน์ เมธาเรื่องพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็ม.บี.อาร์. จำกัดว่ารับซื้อเอกสารการส่งออกภายใต้เลตเตอร์ออฟเครดิต (L/C)ซึ่งเป็นเอกสารปลอม หลีกเลี่ยงการทบทวนวงเงินสินเชื่อ และปิดบังผลการใช้วงเงินสินเชื่อที่ผิดปกติ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า
(1) นายสมบูรณ์ และ (2) นายศตวรรษ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัดห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น และฐานเป็นพนักงาน ปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา8 และมาตรา11ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91
(3) นายวิรัชมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา11ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และฐานเป็นผู้สนับสนุนนายสมบูรณ์ และนายศตวรรษกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2502มาตรา8และ มาตรา11ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 มาตรา 90และมาตรา 91
(4)บริษัท ก.สยาม จำกัด และ(5) นายสมรกรรมการผู้จัดการบริษัท ก.สยาม จำกัดและ(6)บริษัท เอ็ม.บี.อาร์ จำกัดมีมูลความผิดทางอาญาฐานใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 และฐานเป็นผู้สนับสนุนนายสมบูรณ์และนายศตวรรษกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา8และมาตรา11ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91
(7) นายวรรณชัยหรือนายเมธิวัจน์กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็ม.บี.อาร์ จำกัดมีมูลความผิดทางอาญาฐานปลอมเอกสารและฐานใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 และมาตรา 268 และฐานเป็นผู้สนับสนุนนายสมบูรณ์ และนายศตวรรษกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา8และมาตรา11ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 มาตรา 90และมาตรา 91
3.2ร้องเรียนกล่าวหาสิบตำรวจตรี สุรพล เหมจันทร์ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ว่าจับกุมบุคคลในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วทำร้ายร่างกายและเรียกรับเงิน ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าสิบตำรวจตรี สุรพล มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา200วรรคสอง
4.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์:จำนวน 1 คดี
ร้องเรียนกล่าวหานายสมโรจน์ มงคลชาติ อัยการจังหวัดประจำกรม สำนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าให้จำเลยเลี้ยงอาหาร และเรียกรับพระเครื่องจากจำเลย เพื่อแลกกับการไม่อุทธรณ์คดี ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่านายสมโรจน์มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา201
5.จังหวัดอ่างทอง:จำนวน 1 คดี
ร้องเรียนกล่าวหาสิบเอกมานะ สุรวัตร ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลราชสถิตย์ อำเภอไชโย ว่ารับรองแบบประเมินบุคคลในการสมัครสอบคัดเลือกเพื่อเปลี่ยนสายงานเป็นเท็จซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า สิบเอก มานะ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
6.จังหวัดเชียงใหม่:จำนวน 2คดี
6.1ร้องเรียนกล่าวหาพันตำรวจตรีหญิง ดารารัตน์ มูลเมือง หรือพันตำรวจโทหญิง ชัญญา ศรีสุคนธ์ สารวัตรฝ่ายอำนวยการ (การเงินและงบประมาณ) ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ว่าร่ำรวยผิดปกติซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าพันตำรวจตรีหญิง ดารารัตน์ หรือพันตำรวจโทหญิง ชัญญา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ มูลค่า15,527,342บาท
6.2ร้องเรียนกล่าวหานายธรรมนูญ ธรรมรังษี สาธารณสุขอำเภอเชียงดาว ว่าเบียดบังเงินโครงการเร่งรัดการป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่านายธรรมนูญ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา147
7.จังหวัดอุตรดิตถ์:จำนวน 1 คดี
ร้องเรียนกล่าวหา(1) นายณรงค์ศักดิ์ สังข์ทอง เจ้าพนักงานปกครอง 7 (2) นางสาวนะธีหรือธีรยาภิญโญ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโคน (3) นางดาวรุ่ง อินทฉิม หัวหน้าส่วนโยธา (4) นายประยุทธทับทิมเกิดประชาคมหมู่บ้าน (5) นายนิคม ศรีนวลอินทร์ ประชาคมหมู่บ้าน ว่าในฐานะคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาโครงการก่อสร้างถนนลาดยาง สายบ้านกระพั้ว – บ้านบึงปลาเน่า ขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโคน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ไม่พิจารณาผู้เสนอราคาต่ำสุดเพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้เสนอราคาสูงกว่าเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญา ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า
(1)นายณรงค์ศักดิ์(2)นางสาวนะธีหรือธีรยา และ (3) นางดาวรุ่งมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542และมาตรา12
(4)นายประยุทธ และ (5) นายนิคม มีมูลความผิดทางอาญาฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542มาตรา12ประกอบมาตรา86แห่งประมวลกฎหมายอาญา
8.จังหวัดกาฬสินธุ์:จำนวน 1 คดี
ร้องเรียนกล่าวหา(1) นายไพฑูรย์ เทพศาสตรา ปลัดเทศบาลตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย (2) นายสุรสิทธิ์ ภูมิผักแว่น นายช่างโยธา เทศบาลตำบลหนองแปน (3) นายวิทยา จอมทรักษ์ เจ้าหน้าที่ธุรการ เทศบาลตำบลหนองแปนว่ารับรองแบบรายงานการตรวจสอบคำขอรับเงินค่าเช่าบ้านและแบบขอเบิกเงินค่าเช่าบ้าน (แบบ 73 ก) ของตนเป็นเท็จซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า(1) นายไพฑูรย์(2)นายสุรสิทธิ์ และ (3) นายวิทยามีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157ประกอบมาตรา83
9.จังหวัดบุรีรัมย์:จำนวน 1 คดี
ร้องเรียนกล่าวหา(1)นายสมนึก เฮงวัชรไพบูลย์ ป่าไม้จังหวัดบุรีรัมย์ (2) นายคัมภีร์หรือคำภีร์ สุดมี เจ้าพนักงานป่าไม้ 5 ว่าเบิกจ่ายเงินค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวรายวันงานเพาะชำกล้าไม้เป็นเท็จซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า(1)นายสมนึก มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง(2)นายคัมภีร์หรือคำภีร์มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา147มาตรา157และมาตรา161
10.จังหวัดอุดรธานี:จำนวน 1 คดี
ร้องเรียนกล่าวหานายคำกาศ วงขีลี พนักงานปฏิบัติการทั่วไป 4 ที่ทำการไปรษณีย์เพ็ญ อำเภอเพ็ญ ว่าเรียกเก็บเงินค่าฝากส่งจากผู้ใช้บริการในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่กำหนด แล้วนำเงินส่วนเกินไปเป็นประโยชน์สำหรับตนเองซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่านายคำกาศ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542มาตรา123ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91
11.จังหวัดภูเก็ต:จำนวน 2คดี
11.1 ร้องเรียนกล่าวหานางสาวปราณีหรือกรรวี อายุพงศ์ เจ้าหน้าที่อาวุโสบริการลูกค้าธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนเทพกระษัตรี ว่ายักยอกเงินในบัญชีเงินฝากของลูกค้า ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่านางสาวปราณีหรือกรรวี มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา4และมาตรา11ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา90และมาตรา91
11.2ร้องเรียนกล่าวหานางขวัญนภา อัทธนันท์ พนักงานปฏิบัติการ6ธนาคารออมสิน สาขาป่าตอง อำเภอกะทู้ว่าปลอมลายมือชื่อผู้ฝากเงินในใบถอนเงิน แล้วถอนเงินออกจากบัญชีผู้ฝากไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่านางขวัญนภามีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา4และมาตรา11ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา90 และมาตรา91







