โปรดเกล้าฯพรก.เครื่องแบบองคมนตรี
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯพระราชกฤษฎีกาเครื่องแบบองคมนตรี พ.ศ. ๒๕๖๐
ราชกิจจานุเบกษาหน้า ๑ เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๑๑ ก เผยแพร่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๐ พระราชกฤษฎีกาเครื่องแบบองคมนตรี พ.ศ. ๒๕๖๐
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นปีที่ ๒ ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงเครื่องแบบองคมนตรี
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)
พุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาเครื่องแบบองคมนตรี พ.ศ. ๒๕๖๐”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเครื่องแบบองคมนตรี พ.ศ. ๒๕๒๗
มาตรา ๔ เครื่องแบบองคมนตรี มี ๖ ชนิด คือ
(๑) เครื่องแบบปกติกากีคอพับ
(๒) เครื่องแบบปกติขาว
(๓) เครื่องแบบปกติกากีคอตั้ง
(๔) เครื่องแบบครึ่งยศ
(๕) เครื่องแบบเต็มยศ
(๖) เครื่องแบบสโมสร
มาตรา ๕ เครื่องแบบปกติกากีคอพับ ประกอบด้วย
(๑) หมวกทรงหม้อตาลสีกากี กะบังหน้าทําด้วยหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีดํา สายรัดคางสีทอง
กว้าง ๑ เซนติเมตร มีดุมโลหะสีทองตราพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี เหนือเลข ๑๐ ขนาดเล็ก
ติดที่ข้างหมวกข้างละ ๑ ดุม ผ้าพันหมวกสีกากี ที่หน้าหมวกติดตราครุฑพ่าห์ เทิดพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมีปักดิ้นสีทอง กว้าง ๕ เซนติเมตร สูง ๗ เซนติเมตร บนหมอนสักหลาดสีกากี
(๒) เสื้อคอพับสีประเภทสีกากีแขนยาวรัดข้อมือ มีดุมที่ข้อมือข้างละ ๑ ดุม มีกระเป๋าเย็บติด
ที่หน้าอกเสื้อข้างละ ๑ กระเป๋า เป็นกระเป๋าเสื้อมีแถบอยู่ตรงกลางตามทางดิ่งกว้าง ๓.๕ เซนติเมตร
มีใบปกกระเป๋ารูปมนชายกลางแหลม มุมกระเป๋าและมุมปกกระเป๋าเป็นรูปตัดพองาม ที่ปากกระเป๋า
ทั้งสองข้างติดดุมข้างละ ๑ ดุม สําหรับขัดใบปกกระเป๋า ตัดเสื้อผ่าอกตลอด มีสาบกว้าง ๓.๕ เซนติเมตร ติดดุมตามแนวอกเสื้อ ๕ ดุม ระยะห่างกันพอสมควร ที่ไหล่เสื้อประดับอินทรธนูสีเดียวกับเสื้อ ยาวตามความยาวของบ่าเย็บติดกับเสื้อเหนือบ่าทั้งสองข้างจากไหล่ไปคอ ปลายมน ด้านไหล่กว้าง ๔ เซนติเมตร ด้านคอกว้าง ๓ เซนติเมตร ตอนปลายขัดดุมติดกับตัวเสื้อ
(๓) กางเกงแบบราชการสีประเภทสีกากีขายาว ไม่พับปลายขา
(๔) เครื่องหมายแสดงสังกัด ทําด้วยโลหะโปร่งสีทอง ไม่มีขอบ ตราพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี
เหนือเลข ๑๐ สูง ๒.๗ เซนติเมตร ติดที่ปกคอเสื้อด้านหน้าทั้งสองข้าง
(๕) อินทรธนูอ่อน มีเครื่องหมายตําแหน่งแถบสีทองกว้าง ๑ เซนติเมตร ๔ แถบ เรียงติดกัน
ทางต้นอินทรธนู แถบบนขมวดเป็นวงกลมขนาดวัดเส้นผ่าศูนย์กลางวงใน ๑ เซนติเมตร พื้นผ้าสีกากี
ติดทับเสื้อเหนือบ่าทั้งสองข้างจากไหล่ไปคอ ด้านบนประดับอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ประกอบกับเลข ๑๐ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี ขึ้นรูปด้วยโลหะสีทอง กว้าง ๒ เซนติเมตร สูง ๓.๓ เซนติเมตร และครุฑพ่าห์ เทิดพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี ขึ้นรูปด้วยโลหะสีทอง กว้าง ๒.๗ เซนติเมตร สูง ๔.๕ เซนติเมตร บริเวณกึ่งกลางห่างจากฐาน ๒ เซนติเมตร
(๖) เข็มขัด ให้ใช้สายเข็มขัดทําด้วยด้ายถักสีกากีกว้าง ๓ เซนติเมตร หัวเข็มขัดทําด้วยโลหะสีทอง
เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทางนอน ปลายมน กว้าง ๓.๕ เซนติเมตร ยาว ๕ เซนติเมตร มีรูปครุฑพ่าห์ดุนนูนอยู่กึ่งกลางหัวเข็มขัด และปลายสายเข็มขัดหุ้มด้วยโลหะเคลือบสีทอง
มาตรา ๖ เครื่องแบบปกติขาว ประกอบด้วย
(๑) หมวกทรงหม้อตาลสีขาว กะบังหน้าทําด้วยหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีดํา สายรัดคางสีทอง
กว้าง ๑ เซนติเมตร มีดุมโลหะสีทองตราพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี เหนือเลข ๑๐ ขนาดเล็ก
ติดที่ข้างหมวกข้างละ ๑ ดุม ผ้าพันหมวกสีขาว ที่หน้าหมวกติดตราครุฑพ่าห์ เทิดพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมีปักดิ้นสีทอง กว้าง ๕ เซนติเมตร สูง ๗ เซนติเมตร บนหมอนสักหลาดสีขาว
(๒) เสื้อแบบราชการสีขาว ใช้ดุมโลหะสีทองตราพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี เหนือเลข ๑๐
ขนาดใหญ่ ๕ ดุม
(๓) กางเกงแบบราชการสีขาวขายาว ไม่พับปลายขา
(๔) เครื่องหมายแสดงสังกัด ทําด้วยโลหะโปร่งสีทอง ไม่มีขอบ ตราพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี
เหนือเลข ๑๐ สูง ๒.๗ เซนติเมตร ติดที่คอเสื้อตอนหน้าทั้งสองข้าง
(๕) อินทรธนูแข็ง กว้าง ๕ เซนติเมตร ยาวตามความยาวของบ่า พื้นสักหลาดสีดํา ติดทับเสื้อ
เหนือบ่าทั้งสองข้างจากไหล่ไปคอ ด้านคอปลายมนประดับอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ประกอบกับเลข ๑๐ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี ขึ้นรูปด้วยโลหะสีทอง กว้าง ๒ เซนติเมตร สูง ๓.๓ เซนติเมตร อินทรธนูปักดิ้นสีทองลายช่อชัยพฤกษ์เต็มแผ่นอินทรธนู ประดับครุฑพ่าห์ เทิดพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี ขึ้นรูปด้วยโลหะสีทอง กว้าง ๒.๗ เซนติเมตร สูง ๔.๕ เซนติเมตร บริเวณกึ่งกลางห่างจากฐาน ๒ เซนติเมตร
มาตรา ๗ เครื่องแบบปกติกากีคอตั้ง ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเครื่องแบบปกติขาว เว้นแต่สีของหมวก ผ้าพันหมวก หมอนสักหลาด เสื้อและกางเกงเป็นสีประเภทสีกากีสําหรับกระเป๋าเสื้อ กระเป๋าบนข้างละ ๑ กระเป๋า เป็นกระเป๋าปะ มีรอยจีบตรงกึ่งกลางตามทางดิ่งมีปกรูปมนชายกลางแหลมขัดดุมขนาดเล็ก ๑ ดุม และกระเป๋าล่างข้างละ ๑ กระเป๋า เป็นกระเป๋าปะ
มีปกรูปตัดขัดดุมขนาดเล็ก ๑ ดุม ดุมทั้งสิ้นใช้ดุมโลหะสีทองตราพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี เหนือเลข ๑๐
มาตรา ๘ เครื่องแบบครึ่งยศ ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเครื่องแบบปกติขาวเว้นแต่กางเกงให้ใช้ผ้าสักหลาดหรือเสิร์จสีดํา ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ไม่สวมสายสะพาย
มาตรา ๙ เครื่องแบบเต็มยศ ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเครื่องแบบครึ่งยศประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สวมสายสะพาย
มาตรา ๑๐ เครื่องแบบสโมสร มี ๓ แบบ คือ
(๑) เครื่องแบบสโมสร ก. ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเครื่องแบบเต็มยศ
(๒) เครื่องแบบสโมสร ข. ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเครื่องแบบสโมสร ก. เว้นแต่
เสื้อ ให้ใช้เสื้อสโมสรสีขาว ทําด้วยผ้าสักหลาดหรือเสิร์จ เปิดอกปาดเอว มีดุมโลหะสีทอง
ตราพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี เหนือเลข ๑๐ ขนาดเล็ก ติดที่ข้อมือข้างละ ๓ ดุม ที่ระหว่างอกกับเอวข้างละ ๓ ดุม และที่บรรจบเสื้อมีดุมโลหะสีทองตราพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี เหนือเลข ๑๐ ขนาดใหญ่ข้างละ ๑ ดุม ดุมคู่นี้มีสายสร้อยสีทองร้อยติดกัน ประกอบด้วยเสื้อกั๊กสีขาว ดุมโลหะสีทองตราพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมี เหนือเลข ๑๐ จํานวน ๓ ดุม และเสื้อเชิ้ตสีขาวอกแข็ง ข้อมือแข็งคอเชิ้ตชั้นเดียวแบบปีกผีเสื้อผูกผ้าผูกคอสีดํา เงื่อนหูกระต่าย
เครื่องหมายแสดงสังกัด ให้ติดที่คอแบะของเสื้อตอนบนทั้งสองข้างเหนือแนวเครื่องราชอิสริยาภรณ์
กางเกงผ้าสักหลาดหรือเสิร์จสีดํา มีแถบขนาดเล็กสีบานเย็น ๓ แถบ ด้านข้างซ้ายและขวาแพรแถบรัดเอวสีบานเย็น ส่วนกลางด้านหน้ากว้าง ๑๒ เซนติเมตร ปลายทั้งสองข้างเรียวกว้าง ๑๑ เซนติเมตร ที่ปลายมีขอเกี่ยวติดกันในขณะคาดทางด้านหลัง
(๓) เครื่องแบบสโมสร ค. ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเครื่องแบบสโมสร ข. เว้นแต่เสื้อเชิ้ตอกแข็งให้ใช้เสื้อเชิ้ตอกอ่อนสีขาว และเสื้อกั๊กให้ใช้แพรแถบรัดเอวสีดําแทน
มาตรา ๑๑ รองเท้า ให้ใช้รองเท้าหุ้มข้อหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีดํา ถุงเท้าสีดํา
มาตรา ๑๒ ป้ายชื่อ ทําด้วยโลหะสีเงิน ขนาดกว้าง ๒ เซนติเมตร ยาว ๗.๕ เซนติเมตรพื้นสีดํา ตัวอักษรสีเงิน มีขอบสีเงินทั้งสี่ด้าน และมีอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ประกอบกับเลข ๑๐ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ อยู่หน้าชื่อและเคลือบด้วยเรซิน ให้ติดป้ายชื่อบนเครื่องแบบองคมนตรีที่ด้านหน้าอกขวาในตําแหน่งที่เหมาะสม
มาตรา ๑๓ การประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้เป็นไปตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีเรื่องลําดับเกียรติและระเบียบการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย ผู้ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ ให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้นได้ในโอกาสอันควรในโอกาสที่แต่งเครื่องแบบปกติ เมื่อมิได้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ประดับแพรแถบ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่อกเสื้อเบื้องซ้ายเหนือกระเป๋าบน
มาตรา ๑๔ ในกรณีที่ตามเสด็จพระราชดําเนินต่างจังหวัด หรือในกรณีที่มีงานพระราชพิธีงานรัฐพิธี และงานพิธีการอย่างอื่นในต่างจังหวัด ซึ่งมีกําหนดการให้แต่งเครื่องแบบปกติขาว เครื่องแบบครึ่งยศ
หรือเครื่องแบบเต็มยศ องคมนตรีที่ตามเสด็จพระราชดําเนินหรือมีตําแหน่งเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในงานจะแต่งเครื่องแบบปกติกากีคอตั้งแทนเครื่องแบบปกติขาว เครื่องแบบครึ่งยศ หรือเครื่องแบบเต็มยศก็ได้ทั้งนี้ ให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามหมายกําหนดการ
มาตรา ๑๕ เมื่อได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์ไปในงานพิธีการของทหารหรือของตํารวจ ถ้าองคมนตรีผู้นั้นมียศทหารหรือยศตํารวจจะแต่งเครื่องแบบทหารหรือเครื่องแบบตํารวจแทนการแต่งเครื่องแบบขององคมนตรีก็ได้
มาตรา ๑๖ องคมนตรีที่พ้นจากตําแหน่งจะใช้เครื่องแบบขององคมนตรีก็ได้ เว้นแต่ให้ย้ายเครื่องหมายแสดงสังกัดที่คอเสื้อมาติดที่อกเสื้อเบื้องขวา และให้ติดเพียงเครื่องหมายเดียวส่วนการที่จะแต่งเมื่อใด และโดยเงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการแต่งเครื่องแบบ
ข้าราชการของข้าราชการนอกประจําการออกตามความในกฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือนโดยอนุโลม องคมนตรีที่พ้นจากตําแหน่งก่อนวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ยังคงใช้เครื่องแบบองคมนตรี ตามพระราชกฤษฎีกาเครื่องแบบองคมนตรี พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้ต่อไป
มาตรา ๑๗ ให้เลขาธิการคณะองคมนตรีจัดทําคู่มือการแต่งเครื่องแบบ หรือเขียนรูปเครื่องแบบ
ตามพระราชกฤษฎีกานี้ไว้เป็นตัวอย่าง และดําเนินการอื่นที่จําเป็นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิประกอบเป็นคณะองคมนตรี มีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา ทําให้ภาระหน้าที่ขององคมนตรีมีลักษณะงานที่ต้องปฏิบัติเป็นประจําเช่นเดียวกับการปฏิบัติราชการ ทั้งต้องมีตําแหน่งเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในงานพระราชพิธี งานรัฐพิธี และงานพิธีการอย่างอื่นเป็นประจํา และในบางโอกาสได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้องคมนตรีเป็นผู้ปฏิบัติพระราชภารกิจแทนพระองค์ด้วย สมควรปรับปรุงเครื่องแบบองคมนตรีให้มีความเหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่ จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้







