'พระเจ้าอยู่หัว'ทรงห่วงน้ำท่วม แนะเดินตามในหลวง'ร.9'

"นายกฯ" เผย "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" รับสั่งบูรณาการช่วยเหลือปชช. ทรงแนะนำแนวทางในหลวงรัชกาลที่9 ประยุกต์ใช้แก้ปัญหา เผยน้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย
วานนี้ (13 ม.ค.)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยพล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช และนายพลากร สุวรรณรัฐองคมนตรี ร่วมเป็นประธานปล่อยขบวนคาราวานช่วยน้ำท่วมกว่า900 คันจากลานพระราชวังดุสิต
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าเป็นการแสดงถึงน้ำใจที่คนไทยมีให้กัน พร้อมเปิดเผยว่าเมื่อคืนวันที่ 12 ม.ค. ตนเองและพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ(บกปภ.ช.)ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เพื่อกราบทูลในเรื่องของอุทกภัยที่เกิดในพื้นที่ภาคใต้พระองค์ท่านได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีมาร่วมช่วยเหลือตรงนี้ด้วย
ขณะเดียวกันสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้ทรงรับสั่งคือเรื่องความห่วงใยประชาชนและสิ่งสำคัญคือการเร่งรัดช่วยเหลือดูแลฟื้นฟูให้ได้โดยเร็วในทุกกิจกรรม
ขณะเดียวกันพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นประธานการประชุม บกปภ.ช.เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ โดยมีองคมนตรีประกอบด้วย นายพลากร สุวรรณรัฐ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ และพล.อ.ธีรชัย นาควานิช เข้าร่วมหารือ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าในการเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งให้เร่งดูแลประชาชนที่เดือดร้อนให้เร็วที่สุด และให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี โดยการปฏิบัติต้องบูรณาการกัน มีการวางแผนอย่างดีในการบริหารจัดการ สิ่งสำคัญคือทรงรับสั่งให้นำสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำไปประยุกต์ใช้
“พระองค์ท่านรับสั่งด้วยว่า จะให้หน่วยทหารจากหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย มาช่วยดูแลประชาชนที่ลำบาก และยังได้พระราชทานให้องคมนตรีมาร่วมรับทราบสถานการณ์ เพื่อจะได้พระราชทานความช่วย” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
เตือนรับมือมรสุมถล่ม14-19ม.ค.
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ว่าจากฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ว่าถึงปัจจุบันมีพื้นที่รับผลกระทบ 12 จังหวัด119 อำเภอ 721 ตำบล 5,476 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 521,574 ครัวเรือน 1,603,541 คนมีผู้เสียชีวิต 36 ราย สูญหาย 1 ราย สถานที่ราชการเสียหาย 17 แห่ง ถนน 592 จุด คอสะพาน 106 แห่ง
ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ยะลา ระนอง ปัตตานี และนราธิวาส ยังคงมีสถานการณ์ใน 8 จังหวัด ได้แก่จ.พัทลุง สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร กระบี่ และประจวบคีรีขันธ์
อย่างไรก็ตามการติดตามสภาพอากาศกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าฝนตกในภาคใต้ลดลง ทำให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแต่ในช่วงวันที่ 14-19 ม.ค.นี้ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มขึ้นได้แจ้งพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมรับมืออุทกภัยและดินถล่มแล้ว
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 3จังหวัด คือ นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ที่เหลือยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ แต่มีแนวโน้มลดลง โดยที่ประจวบคีรีขันธ์ สถานการณ์ในพื้นที่อำเภอบางสะพานเข้าสู่ปกติแล้ว ระดับน้ำคลองบางสะพานลดลงต่ำกว่าตลิ่ง ส่วนพื้นที่โรงพยาบาลบางสะพาน ซึ่งเป็นที่ต่ำ แอ่งกระทะ ปัจจุบันเข้าสู่ปกติและสามารถเปิดให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. 2560
ด้านพื้นที่ จ. พัทลุง และสงขลา ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติประมาณ 7-12 วัน
ทางหลวงของบซ่อมถนนเพิ่ม3พันล้าน
นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่าได้เสนอเรื่องถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อของงบประมาณในการซ่อมแซมทางหลวงที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยทั่วประเทศเพิ่มเติมรวม 3,300 ล้านบาท เนื่องจากงบประมาณที่ได้รับในขณะนี้ไม่เพียงพอ
“หากได้รับการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม ก็จะเร่งออกแบบและจัดหาผู้รับเหมาเข้าดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ4เดือน จึงเริ่มก่อสร้างได้”
นายธานินทร์ กล่าวต่อว่า สถิติตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2559-12 ม.ค. 2560 มีทางหลวงที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 423 สายทาง 1,568 แห่ง คิดเป็นวงเงิน 3,661 ล้านบาท แบ่งเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด จำนวน 123 สายทาง 301 แห่ง ระยะทาง 271.971 กิโลเมตร วงเงิน 941,442,377 บาท, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 จังหวัด จำนวน 85 สายทาง 174 แห่ง ระยะทาง 69.220 กิโลเมตร วงเงิน 732,296,899 บาท
สนามบินนครศรีฯเปิดใช้ปกติ
นายสุขสวัสดิ์ สุขวรรณโณ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กล่าวว่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วานนี้ (13 ม.ค.) ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชได้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติอย่างเป็นทางการ หลังจากได้ซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมเสร็จหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังมีไม่สายการบินใดกลับมาเปิดให้บริการที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เนื่องจากที่ผ่านมาได้ปรับเปลี่ยนไปขึ้นลงที่สนามบินใกล้เคียง และยังไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาให้บริการที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชได้ทัน โดยหลังจากนี้ สายการบินจะแจ้งแก่ผู้โดยสารเองว่า จะกลับมาให้บริการที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชเมื่อใด
“ปกติท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชจะมี 3 สายการบินให้บริการ คือ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ สายการบินนกแอร์ และสายการบินไทยแอร์เอเชีย รวม 26 เที่ยวบินต่อวัน โดยเที่ยวเช้าสุดตามตารางบินจะถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ประมาณ 07.00 น. เป็นเที่ยวแรก แต่ในวันนี้ (14 ม.ค.) จะมีกี่เที่ยวบินกลับเข้ามาใช้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละสายการบิน”นายสุขสวัสดิ์ กล่าว
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า สามารถเปิดการเดินรถได้จากสถานีกรุงเทพ-สถานีชุมทางทุ่งสง และเส้นทางสายกันตัง คงเหลือเส้นทางช่วงสถานีชุมทางทุ่งสง - นครศรีธรรมราช - พัทลุง ที่ยังปิดซ่อมแซมทำขบวนรถไม่สามารถผ่านได้ ทั้งนี้ รฟท.จะไม่มีการขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์ ผู้โดยสารสามารถขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารได้เต็มราคา
ประเดิมช่วยเอสเอ็มอีใต้
นายณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า สมาพันธ์เอสเอ็มอีได้รวบรวมรายชื่อพร้อมข้อมูลของผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) กว่า 600 กิจการ ซึ่งเข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนฟื้นฟูกิจการเอสเอ็มอีวงเงิน 2,000 ล้านบาท แก่นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. เพื่อเร่งขอรับความช่วยเหลือแก่เอสเอ็มอีที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน หรือเพื่อปรับปรุงกิจการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่ประสบภัยทางภาคใต้ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 4 ของรายชื่อทั้งหมด และนับเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการเร่งรัดขอความช่วยเหลือในครั้งนี้
นายณพพงศ์ กล่าวว่าได้รับคำยืนยันจากทาง ผอ.สสว.ที่จะเร่งรัดการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการตามมาตรการฟื้นฟูกิจการเอสเอ็มอี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด โดยจะเริ่มพิจารณาคำขอจากเอสเอ็มอีภาคใต้ก่อน




