เปิดใจนักร้อง 'คสช.' 4 บทเพลงจากใจ 'บิ๊กตู่'

เปิดใจนักร้อง 'คสช.' 4 บทเพลงจากใจ 'บิ๊กตู่'

เปิดใจ "จ.ส.อ.พงศธร พอจิต" ผู้ถ่ายทอดความรู้สึก 4 บทเพลงของนายกรัฐมนตรี ภูมิใจ "บิ๊กตู่" ออกปากชม

: ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับ จ.ส.อ.พงศธร พอจิต ต้องทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้สึกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.)ผ่าน 4 บทเพลง ที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประพันธ์คำร้อง ประกอบด้วย 1.คืนความสุขให้ประเทศไทย 2.เพราะเธอคือ...ประเทศไทย 3.ความหวังความศรัทธา และ 4.สะพาน เพื่อสื่อความหมายไปถึงประชาชนในแต่ละช่วงของสถานการณ์บ้านเมืองที่มีลักษณ์แตกต่างกันไปตามห้วงเวลาต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนในประเทศมีความเข้าใจรัฐบาล รัก สามัคคีและร่วมมือกันพาประเทศเดินไปข้างหน้า ตลอดจนถึงให้กำลังใจ

:นายกรัฐมนตรีเป็นคนเลือกนักร้องเองหรือไม่?

จ.ส.อ.พงศธร: ตั้งแต่เริ่มแรกเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งเพลงแล้วส่งมาที่กรมดุริยางค์ทหารบกเป็นผู้จัดทำ โดย พล.ต.กฤษดา สาลิกา เจ้ากรมดุริยางค์ทหารบก เป็นคนเลือกตนให้เป็นผู้ขับร้อง เพราะอาจจะเป็นคนที่ท่านไว้วางใจ จึงเห็นว่าน่าจะทำงานได้ดีกว่าคนอื่น และในขณะนั้นถือเป็นงานด่วน และท่านมองแล้วว่าตนน่าจะไว้วางใจได้มากที่สุด ถามว่าตนเก่งหรือไม่ ก็ไม่ได้เก่งที่สุด แต่อาจจะดีที่สุดในช่วงนั้น เวลานั้น

: ได้ส่งเสียงไปให้นายกรัฐมนตรีฟังก่อนหรือไม่?

จ.ส.อ.พงศธร : ร้องเสร็จแล้ว ไม่ได้ส่งให้นายกรัฐมนตรีฟัง เพราะท่านได้ฟังเพลงที่เป็นตัวอย่าง (DoMo) เสียงครูวิเชียร ตันติพิมลพันธ์เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของตนได้เนื้อเพลงมาและเสียงครูวิเชียร เพื่อเอามาท่องเนื้อเพลงเพื่อจะไปร้องให้นายกรัฐมนตรีฟังสดๆเลย จำได้ว่าเป็นช่วงที่นายกรัฐมนตรีพักรับประท่าอาหารหลังจากประชุมเสร็จ เราก็เล่นดนตรีให้ท่านฟัง และในขณะนั้นอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนถ่ายบ้านเมืองพอดี

:ครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีได้ฟังท่านได้กล่าวอย่างไรบ้าง?

จ.ส.อ.พงศธร : ครั้งแรกที่ท่านได้ฟังเสียงร้องแบบสดๆ ท่านก็บอกว่า “ ดี ร้องเพราะดี OK แล้ว และขอให้ช่วยกันเผยแพร่นะ เพื่อให้ประชาชนได้ฟัง” ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกภูมิใจว่าเราทำได้ดีที่สุดแล้ว

: อย่างเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย จะต้องสื่อให้ประชาชนเข้าใจนายกรัฐมนตรีในการเข้ามาบริหารประเทศ ร้องยากหรือไม่เพราะต้องสื่อารมณ์

จ.ส.อ.พงศธร :ยอมรับว่ายากแน่นอน เพราะเป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรีในช่วงนั้น และเป็น คสช. ซึ่งจะจะบอกประชาชนให้ทราบว่า คสช.กำลังทำอะไรอยู่ บ้านเมืองเกิดอะไรขึ้น ตามเนื้อเพลงที่ได้ทำขึ้นมา ซึ่งหลักใหญ่ๆแล้วก็มาจากความรู้สึกของนายกรัฐมนตรี แต่ท่านก็พูดแทน คณะรัฐมนตรีและ คสช.ว่า พวกเราทหารทุกคนจะช่วยทำให้บ้านเมืองดีขึ้น เราสัญญา

: เพลงที่สอง เพราะเธอคือ...ประเทศไทย เป็นอย่างไรบ้าง?

จ.ส.อ.พงศธร : เพลงทุกเพลงที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งขึ้น เนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ ความคิดและความรู้สึกของท่านในแต่ละช่วงที่จะออกมา ซึ่งต้องเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น ที่จะมานั่งแต่งเพลง เวลาว่างก็แทบจะไม่มี ตนเคยได้ยินท่านพูดว่า “เสร็จจากงานนี้ ผมจะกลับไปบ้าน ไปนั่งอ่านหนังสือที่กองอยู่เต็มโต๊ะ จะเห็นได้ว่าเวลาท่านตอบคำถามสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเมือง เศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าท่านไม่ต้องดูโพย เพราะท่านได้ศึกษาและท่านรู้จริงๆว่าทุกอย่างคืออะไร ซึ่งคนที่รู้ได้ขนาดนี้ต้องรู้อยู่ในกลุ่มของตัวเองก่อน คือ ในกลุ่มทหาร เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็รู้อีกอย่าง ก็จะรู้ทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องดูในหนังสือ อาจจะดูเป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆที่ท่านจำไม่ได้ โดยส่วนใหญ่เป็นตัวเลข แต่หลักรวมใหญ่ๆท่านจะรู้ แสดงว่าท่านต้องทำงานหนักมาก คงไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งแต่งเพลงขนาดนั้น แต่อาจจะเป็นบางช่วง บางอารมณ์ที่อยากจะพูดอะไร ก็เขียนลงไปในช่วงเวลาพักเล็กๆน้อยๆของคนๆหนึ่ง เสร็จแล้วท่านจะส่งมาให้ที่กรมดุริยางค์ ทั้งนี้การทำงานของแต่ละบทเพลงมีประมาณ 5 คน 1. นายกรัฐมนตรี ผู้แต่ง 2.พล.ต.กฤษดา เป็นผู้ดำเนินการผลิต 3. ครูวิเชียร จะดูแลเรื่องเนื้อเพลง ทำนองเพลง 4. พ.ต.สุรชัย ทำดนตรี เมื่อกระบวนการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะลงมาที่ตนเป็นคนสุดท้ายในการร้อง เมื่อร้องอัดเสร็จแล้วก็จะกลับขึ้นไปหานายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อฟังและตรวจดูความเรียบร้อยว่าดีหรือยัง หากดีแล้วท่านจะเก็บไว้และเตรียมเผยแพร่ และการเผยแพร่แต่ละครั้งก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะช่วงไหน เวลาไหน อย่างเพลงเพราะเธอคือ...ประเทศไทย นายกรัฐมนตรีก็แต่งเพลงนี้เพื่อเป็นของขวัญวันปีใหม่ ปี 2558

: เพลงสะพาน ถือเป็นของขวัญปีใหม่ด้วยหรือไม่?

จ.ส.อ.พงศ์ธร : ตนไม่มั่นใจ ขึ้นอยู่กับว่านายรัฐมนตรีจะพูดถึงในวาระใด

:ทั้ง 4 เพลง เพลงไหนร้องยากสุด?

จ.ส.อ.พงศธร: คิดว่ายากทุกเพลง ยากทุกสถานการณ์เพราะว่า ในแต่ละบทเพลงพูดถึงในแต่ละช่วงเวลา อย่าง เพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย พูดถึงช่วงสถานการณ์แรกๆของการเปลี่ยนถ่ายบ้านเมือง โดยทหารเข้ามาดูแล เพลงที่สอง มอบให้วันปีใหม่ เพลงที่สาม ความหวังความศรัทธา ที่ออกมาในช่วงบ้านเมืองมีความโศกเศร้าเกิดขึ้น เพื่อจะสื่อว่าบ้านเมืองยังมีความหวังความศรัทธาและเดินหน้ากันต่อไป ส่วนเพลงสะพาน ท่านหมายถึง คณะรัฐบาล คสช. ทุกๆคนที่ทำงานเพื่อบ้านเมืองก็เหมือนสะพานที่ข้ามแม่น้ำเชี่ยวกราก เพื่อให้คนเดินข้ามไปได้อย่างปลอดภัย

:รู้สึกอย่างไรได้ร้องเพลงที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประพันธ์?

จ.ส.อ.พงศธร: รู้สึกดีใจและต้องขอขอบคุณเจ้ากรมดุริยางค์ทหารบก ที่ไว้วางใจให้ทำงาน ซึ่งท่านทุ่มเทเต็มที่ และถือว่าเป็นศิลปินคนหนึ่งขององทัพบก ได้ดูแลการผลิตในทุกๆขั้นตอน ท่านใส่ใจในเรื่องนี้มากเพื่อให้ออกมาดีและให้ผู้คนรับฟังเข้าถึงบทเพลงและเนื้อหาที่นายกรัฐมนตรีต้องการจะสื่อ

:ร้องเพลงนายกรัฐมนตรี รู้สึกกดดันไหม?

จ.ส.อ.พงศธร :ไม่ได้กดดันอะไร เนื่องจากตนผ่านเวทีมาพอสมควร แต่ทุกครั้งที่ร้องเพลงของนายกรัฐมนตรี จะคิดอยู่เสมอว่าทำอย่างไรจะให้ออกมาดีที่สุด เมื่อทำได้ตามที่เราต้องการ ก็จะได้ความรู้สึกที่ดี ได้ถ่ายทอดออกไปให้ประชาชนได้ฟัง ได้เห็นสีหน้าของประชาชน ได้ยินคำขอบคุณของประชาชน บางคนมาขอถ่ายรูป มาชม เราก็รู้สึกดี โดยส่วนใหญ่แล้วตนจะร้องเพลงในงานของทหาร หรืองานของ กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ที่ร้องขอมาเพื่อไปร้องเพลงให้ประชาชนฟัง ซึ่งคล้ายกับเป็นตัวแทนและร้องเพลงของนายกรัฐมนตรี

:ทำไมถึงต้องเป็น จ.ส.อ.พงศธร ที่ร้องเพลงทั้ง 4 เพลง?

จ.ส.อ.พงศธร : เราทำงานกันในกลุ่มที่ทำงานกันไม่กี่คน คล้ายๆว่ารู้มือกันและคงได้รับความไว้วางใจจากนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองไม่ได้อะไรมาก เห็นว่าทำดีแล้วก็ให้ทำต่อเลย นอกจากนี้อาจจะเป็นตนที่ทำงานได้เร็ว เช่น หากให้ศิลปินร้อง ถามว่า ศิลปินจะมีเวลาไปทุกๆงานที่มีการร้องขอได้หรือไม่ ก็คงไม่ได้ แต่ของตนแม้แต่งานในหมู่บ้านเล็กๆก็ต้องไปหมด เพราะงานเยอะ ยอมรับว่าตนไม่ได้ร้องเพลงดีอะไร แต่ก็ไม่ได้ร้องขี้เหร่ เพียงแต่ร้องให้คนฟังได้ อาจจะดีไม่เท่าศิลปิน แต่ตนทำได้เร็ว เช่น โทรวันนี้ พรุ่งนี้เย็นไปทำงานได้เลย เพราะเราอยากระจายเพลงของนายกรัฐมนตรีให้ประชาชนฟัง ซึ่งประชาชนก็อยากฟังว่านายกรัฐมนตรีต้องการสื่ออะไร ซึ่งทุกครั้งประชาชนจะเข้ามาขอบคุณ ซึ่งตนอยากสื่อคำขอบคุณของประชาชนไปถึงนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน

:ทั้ง 4 เพลงช่วยทำให้คนในประเทศมีความรัก ความสามัคคีมากน้อยแค่ไหน ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติเช่นนี้?

จ.ส.อ.พงศธร :ช่วยได้ในระดับหนึ่งขึ้นอยู่คนที่ยอมรับฟัง ถ้าคนไม่ฟัง ก็ไม่ฟังเลย สำหรับคนที่ฟังก็ฟังอยู่อย่างนั้น ถือเป็นทัศนคติของคนมากกว่า ในสิ่งที่เกิดมากระตุ้นให้คนที่ยืนตรงกลางได้หันมามองและบอกว่าอยากจะร่วมพัฒนาประเทศเหมือนกัน ให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ซึ่งทำให้เรารู้ว่า ยังมีคนรักชาติ บ้านเมืองอีกเยอะ

:มองว่าเสียงเพลงจะสามารถทำให้คนที่ไม่ชอบนายกรัฐมนตรี ไม่ชอบทหาร เปลี่ยนความคิดหรือไม่?

จ.ส.อ.พงศธร : คนที่ไม่ชอบ ก็คือไม่ชอบ แต่เราต้องดูเสียงส่วนใหญ่ สมมุติ 100 คน ฟังเพลงแล้วขอบ 95 คน ส่วนอีก 5 คนก็ถือว่าส่วนน้อย และคนส่วนน้อยคงไม่กล้าโวยวาย เพราะคนหมู่มากรู้สึกดีกับสิ่งที่เป็นอยู่ เพลงไม่สามารถเปลี่ยนจิตใจคนไม่ได้ ขณะนี้คณะรัฐบาลช่วยอุ้มเราอยู่ ถ้าเราไม่ลุกขึ้นทำเอง ก็จะยืนขึ้นไม่ได้ หากยังขวางอยู่ ทำอะไรก็ผิด ไม่เห็นตามคนส่วนใหญ่

:จะมีเพลงที่ 5 หรือไม่?

จ.ส.อ.พงศธร : ยังไม่แน่ใจ รอดูนายกรัฐมนตรี ส่วนจะได้ร้องอีกเพลงในช่วง คสช.กำลังจบภารกิจหรือไม่นั้น ก็ไม่ทราบเช่นกัน เพลงทุกบทเพลงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เวลา อย่างเพลงสะพาน เหมือนบ้านเมืองกำลังประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ขณะนี้ ทุกคนกำลังช่วยกัน ทั้งในส่วนของภาครัฐ ทหาร ประชาชน ต่างช่วยกันเพื่อให้ผ่านพ้นเวลานี้ไปได้