วธ.เปิดตัว11บุคคลจาก9ภาพ ร่วมถ่ายทอดความรู้สึก

วธ.เปิดตัว11บุคคลจาก9ภาพ ร่วมถ่ายทอดความรู้สึก

วธ.เปิดตัว 11 บุคคลจาก 9 ภาพ “วีระ” เผยเตรียมรับอาสาสมัครร่วมเก็บภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และความรู้สึกบันทึกในจดหมายเหตุฉบับประชาชน

ที่นิทรรศการ “ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” ลานสังคีต พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานแถลงข่าว “9 ภาพแห่งความจงรักภักดี” พร้อมเปิดตัว 11 บุคคลที่ปรากฎใน 9 ภาพ ซึ่งได้มาร่วมถ่ายทอดความรู้สึก 

บอกเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อบันทึกไว้เป็นส่วนหนึ่งในจดหมายเหตุเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย

โดย นายวีระ กล่าวว่า ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ประกาศตามหา 11 บุคคล จาก 9 ภาพแห่งความจงรักภักดี ในนิทรรศการทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งเป็นภาพที่ประชาชนเปิดให้ประชาชนร่วมคัดเลือกผ่านการชมนิทรรศการ และผ่านทางระบบออนไลน์นั้น ขณะนี้ทั้ง 11 บุคคลได้ติดต่อมาแล้ว วธ.จึงได้เชิญมาบอกเล่าความรู้สึก เพื่อบันทึกเป็นส่วนหนึ่งในจดหมายเหตุประวัติศาสตร์ชาติไทย 

ดังนี้ ภาพที่ 1. ผู้หญิงร่ำไห้ถือพระบรมฉายาลักษณ์ น้ำตาไหลอาบแก้ม คือ นางจินตนา มากดวงเพียร อายุ 55 ปี เป็นอาสาสมัครกรมควบคุมประพฤติ กรุงเทพมหานคร  ภาพที่ 2. หญิงกำลังพนมมือไหว้และร้องไห้อย่างสุดอาลัย ณ โรงพยาบาลศิริราช  คือ น.ส.จันทร์ฉาย มาลีสุทธิกุล อายุ 40 ปี เป็นนักธุรกิจ จังหวัดนนทบุรี ภาพที่ 3. ภาพผู้หญิงเอามือปิดหน้ากำลังร่ำไห้อย่างสุดอาลัย จำนวน2 คน ได้แก่ หญิงสาวพนมมือร้องไห้อย่างสุดอาลัย  คือ น.ส.นิธิวีร์ ว่องแพร่วิชย์ อายุ 40 ปี อาชีพช่างภาพอิสระ กรุงเทพมหานคร และน.ส.ปริมประภัสร์ โล่ห์ประธาน อายุ 45 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว กรุงเทพฯ 

ภาพที่ 4. เด็กชายกำลังพนมมือไหว้และนั่งอยู่ในอ้อมแขนชายสูงอายุ คือ ด.ช.ภูมิทรัพย์ เนรกัณฐีสกุล อายุ 3 ขวบ และชายสูงอายุ คือ นายสุรียา เนรกัณฐีสกุล อายุ 68 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว จังหวัดตาก  ภาพที่ 5. ภาพชายยกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ใบหน้าโศกเศร้า คือ นายศักดา สัจจะมิตร  อายุ 67 ปี อาชีพค้าขาย กรุงเทพมหานคร  ภาพที่ 6. ภาพผู้หญิงก้มหน้าร้องไห้ด้วยอาลัยน้ำตาหยดบนภาพพระบรมฉายาลักษณ์ คือ นาง มาลิน โกไศยกานนท์ อายุ 41 ปี อาชีพผู้จัดการโรงแรม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาพที่ 7. ผู้หญิงกำลังนั่งพนมมือไหว้ในมือถือพระบรมฉายาลักษณ์ คือ นางปราณี  เลาหวิวัฒน์ อายุ 53 ปี อาชีพแม่ค้า อ.ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช

รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า ภาพที่ 8 หญิงสาวกำลังเก็บขยะ คือ น.ส.ทรรศมน อิ่มรัมย์ อายุ33ปี พนักงานบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด กรุงเทพ ฯ และภาพที่ 9.  ภาพหญิงสาวก้มหน้าร้องไห้ด้วยความอาลัยในมือถือกอดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ คือ นางดลนภา กลัดบุปผา อายุ 40 ปี อาชีพครู กรุงเทพมหานคร

"วธ.ได้คัดเลือกภาพและเชิญบุคคลในภาพมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อบันทึกไว้ในจดหมายเหตุฉบับประชาชน ซึ่งทุกภาพแสดงถึงความจงรักภักดีความอาลัยที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งนี้ วธ.เก็บรวบรวมเรื่องราว ความรู้สึกไปตลอดงานพระราชพิธี โดยเร็วๆนี้จะเปิดรับอาสาสมัครและคัดเลือกเพื่อร่วมบันทึกภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว และความรู้สึกของประชาชนเพื่อมาบันทึกในจดหมายเหตุฉบับประชาชน โดยจะมีการคัดเลือกและอบรมก่อนปฏิบัตจริงด้วย"นายวีระ กล่าว

ด้าน นายสุรียา เนรกัณฐีสกุล คนในภาพที่ 4 ปู่ของ.ด.ช.ภูมิทรัพย์ หรือ น้องหมีพูห์ เล่าถึงเหตุการณ์ว่า เดินทางจากจังหวัดตาก มาทำธุระที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.และได้ทราบข่าวเสด็จสวรรคต ในวันที่ 14 พ.ย.จึงตั้งใจจะไปร่วมส่งเสด็จที่รพ.ศิริราช และพาน้องหมีพูห์มาด้วย แต่ไม่สามารถเข้าไปได้จึงปักหลักรอส่งเสด็จที่บริเวณแยกอรุณอัมรินทร์ ระหว่างรอก็บอกน้องหมีพูห์ว่าตอนขบวนพระบรมศพในหลวง ร.9 เสด็จผ่านน้องหมีพูห์ต้องทำความเคารพนะ ต้องยกมือไหว้ซึ่งถึงเวลาน้องหมีพูห์ก็ยกมือไหว้เอง ไม่ได้บอกย้ำ

ขณะที่ น้องหมีพูห์ กล่าวว่า น้องหมีพูห์ยกมือไหว้ในหลวง ร.9 เพราะพระองค์ท่านขึ้นสวรรค์ รู้สึกเสียใจที่พระองค์ท่านไม่อยู่กับน้องหมีพูห์ไปนานๆ แต่หมีพูห์ก็จะเป็นเด็กดี

นางจินตนา มากดวงเพียร  คนใน ภาพที่ 1.กล่าวว่า ปกติจะไปสวดมนต์ที่โรงพยาบาลศิริราชทุกวัน ในวันที่ 13 พ.ย.ก็ไปปกติตอนเช้ายังไม่รู้ข่าว แต่ช่วงบ่ายเริ่มมีข่าวพระองค์ท่านออกมา มีประชาชนจำนวนมากทยอยมาสวดมนต์ที่โรงพยาบาลศิริราช จนกระทั่งมีประกาศสำนักพระราชวัง รู้สึกเสียใจมาก สำหรับตนพระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อคนไทย ทรงห่วงใยประชาชนทุกคน อย่างเวลาที่ตนมาสวดมนต์ในเวลากลางคืน พระองค์ท่านก็จะให้ทหารมาดูแล มาสอบถามว่าประชาชนเป็นอยู่อย่างไร ขาดเหลืออะไรต้องการอะไรบ้างอยู่เสมอ

นางมาลิน โกศัยกานนท์  คนในภาพที่ 6. กล่าวว่า ทำงานอยู่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้ฟังแถลงการณ์ในหลวงสวรรคตค่ำวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา พอเช้าวันรุ่งขึ้นกรีบลงเรือลำแรกต่อเครื่องบินมากรุงเทพฯ ทันที เพื่อให้ทันขบวนเคลื่อนพระบรมศพ และได้มานั่งเฝ้าบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์  จากนั้นวันที่ 15 ต.ค.ก็เข้าแถวรอเข้ากราบสักการะพระบรมศพพร้อมกับประชาชนจำนวนมากทั้งที่ไม่รู้จะได้เข้าหรือไม่ วันนั้นยังไม่มีการเปิดให้เข้ากราบพระบรมศพ จึงก้มลงกราบที่กำแพงพระบรมมหาราชวัง แล้วพูดว่า“พ่อ เรามาแล้ว มากราบพ่อแล้วนะ ” ก่อนจะนั่งอยู่ข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง  ก้มหน้าร้องไห้ด้วยความอาลัย น้ำตาหยดบนพระบรมฉายาลักษณ์ มีช่างภาพจับภาพแสดงความรู้สึกนี้ไว้ได้ 

ด้าน นางปราณี เลาหวิวัฒน์ คนในภาพที่ 7. กล่าวว่า  เป็นคนในภาพนั่งพนมมือไหว้ และในมือถือภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งขณะนั้นตนและลูกชายกำลังร่วมกิจกรรมสวดมนต์ถวายอาลัยพ่อหลวงด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์ทรงเสียสละเพื่อคนไทยมาตลอด 70 ปีครองราชย์  และแม้พ่อจะไม่อยู่แล้ว ตนก็ตั้งใจสวดมนต์ตั้งจิตอธิษฐานและในฐานะประชาชนก็อยากให้คนไทยรวมพลังทำตามคำสอนพ่อเรื่องความรักและสามัคคี  ที่สำคัญอย่าทะเลาะกัน 

น.ส.ทรรศมน อิ่มรัมย์ คนใน ภาพที่ 8 กล่าวว่า รู้สึกปลื้มใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่วธ.คัดเลือกให้มาบันทึกความรู้สึกลงในจดหมายเหตุ ซึ่งตั้งใจทำความดีถวายพระองค์ ตามคำสอนของพระองค์ทั้งเรื่องการรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไร และการไม่เบียดเบียนเวลา ซึ่งทุกวันนี้ตื่นตี3ขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านพักย่านนามคำแหงมาเป็นจิตอาสาที่ท้องสนามหลวงแทบทุกวันก่อนจะไปทำงานแถวพระราม3 และตั้งใจจะทำต่อไปเรื่อยๆ