‘ถวัลย์ รุยาพร’ล้มแชมป์3สมัยนั่งนายกสภาทนายความ

"ถวัลย์ รุยาพร”นำทีมชนะเลือกตั้ง นั่งนายกสภาทนายความคนใหม่ เชื่อชนะท่วมท้นเหตุทนายไม่เห็นด้วยนโยบายคู่แข่งเปิดทางทนายต่างชาติว่าความในไทย
จากกรณีการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายถวัลย์ รุยาพร ผู้สมัครหมายเลข 2 ได้คะแนนสูงสุด เป็นนายกสภาทนายความคนใหม่ จากจำนวนผู้สมัครทั้งหมด 7 คน พร้อมทั้งกรรมการทั้งส่วนกลางและภาค1-9 นั้น
นายถวัลย์ ในฐานะว่าที่นายกสภาทนายความ กล่าวถึงแนวทางการทำงานเบื้องต้นว่า ประการแรกคือการทบทวนเนื้อหาใน ร่าง พ.ร.บ.ทนายความ ที่คณะกรรมการชุดเดิมเคยเสนอออกใบอนุญาตให้ทนายความต่างชาติว่าความในประเทศไทย ให้เกิดความรอบคอบ เหมาะสม โดยมองว่าการให้บริการทางคดีเป็นอาชีพสงวนของคนไทย
2.การปฏิรูปวิชาชีพทนายความ เช่น ด้านวิชาการ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยมีการออกกฎหมายใหม่มาแล้วนับร้อยฉบับ ซึ่งมีผลกระทบทั้งทนายความและประชาชน และ 3.การจัดสวัสดิการเพื่อให้ทนายความที่เป็นวิชาชีพอิสระนี้ มีความมั่นคงต่อการเลี้ยงชีพ
ด้านนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ อดีตนายกสภาทนายความ หนึ่งในผู้สมัคร ปฏิเสธที่จะออกความเห็น โดยระบุเพียงว่าควรให้นายกสภาทนายความและคณะทำงานทีมใหม่ ได้มีโอกาสทำงาน เนื่องจากมีนโยบายที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงไม่เหมาะสมที่จะออกความเห็น
ส่วนนายคำนวณ ชโลปถัมภ์ อดีตนายกสภาทนายความคนแรก กล่าวว่า นายถวัลย์ ได้คะแนนทิ้งห่างลำดับที่สอง 2,616 เสียง ด้วยเหตุทนายความทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เห็นพ้องกันว่าการที่ผู้สมัครคู่แข่งขัน สนับสนุนให้ทนายความต่างชาติเข้ามาว่าความในประเทศไทย เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะทนายความเป็นอาชีพสงวนของคนไทย
"การบริหารงานที่ผ่านมาของคู่แข่งขันโดยทั่วไปไม่น่ามีปัญหาและมองได้ว่ามีความพยายามทำงานเพื่อองค์กร แต่การสนับสนุนทนายความต่างชาติ ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญ ที่กระทบต่อความรู้สึกของทนายความทั่วประเทศ เพราะขณะนี้ทนายความที่ได้รับการจดทะเบียนมีกว่า 80,000 ราย ส่วนใหญ่ไม่มีงานทำ หรือมีงานไม่เพียงพอต่อการสร้างรายได้ที่มั่นคง”
นายเดชา ยิ้มอำนวย ทนายความ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มพลังทนายเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่าที่ผ่านมา การลงคะแนนเสียงเลือกนายกสภาทนายความ มีคนมาใช้สิทธิ์เฉลี่ย 15% จากสมาชิกสภาทนายความทั้งหมด แต่การเลือกตั้งล่าสุดมีผู้มาใช้สิทธิเกือบ 20% ถือว่าปรากฎการณ์ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการรณรงค์ให้สมาชิกเห็นความสำคัญของการออกมาใช้สิทธิออกเสียง อีกส่วนหนึ่งมาจากมีผู้สนับสนุนมากขึ้นจนมีคะแนนเกิดขึ้นใหม่อีก 2,000 -3,000 เสียง
ทั้งนี้ ระบบการเลือกตั้งของสภาทนายความ มีความล้าหลัง สวนกระแสกับการปฏิรูปการเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง เปิดช่องทางให้บุคคลที่อยู่ในตำแหน่งสามารถเอารัดเอาเปรียบคู่แข่ง เช่น ผู้บริหารสามารถนำงบประมาณของสภาทนายความไปจัดเลี้ยงเพื่อหาเสียงได้ในรูปแบบจัดงานสัมมนา
“ผลการเลือกตั้งจะออกมาถือว่าเป็นการสะท้อนความต้องการของส่วนรวม ซึ่งการมาใช้สิทธิจำนวนมากครั้งนี้ อาจทำให้หยุดการผูกขาดของสภาทนายความตลอด 20 ปีได้”
สำหรับประวัตินายถวัลย์ รุยาพร ปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษบรรยายกฎหมายหลายสถาบัน มีฉายาทนายความติดดิน เคยได้รับเลือกเป็น กรรมการสภาทนายความ 2 สมัย ในปี 2538-2541 และปี 2541-2544 ที่ผ่านมาเคยลงชิงตำแหน่งนายกและกรรมการสภาทนายความมาแล้วหลายครั้ง
ส่วนการเลือกตัั้งครั้งนี้ ถูกเลื่อนมาจากวันที่ 24 เม.ย.2559 โดยมีการอ้างถึงประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง และฉบับที่ 85/2557 เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว สภาทนายความจึงมีการระงับการเลือกตั้ง และให้นายเดชอุดม รักษาการ
แต่ต่อมานายถวัลย์ ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมผู้สมัครรับเลือกตั้งกรรมการสภาทนายความ ได้ยื่นฟ้องผู้อำนวยการเลือกตั้ง ประธานกรรมการมารยาททนายความ และกรรมการมรรยาททนายความ รวม 32 ราย ต่อศาลปกครองกลาง จึงทำให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น







