'ประยุทธ์'สั่งทุกกระทรวง เดินหน้าตามแผนพัฒนาฯฉ.12

'ประยุทธ์'สั่งทุกกระทรวง เดินหน้าตามแผนพัฒนาฯฉ.12

"ประยุทธ์" สั่งทุกกระทรวงทำแผนตามแผนพัฒนาฯฉบับ 12 เริ่มใช้ปี 2560 เป็นจุดเริ่มต้นยุทธศาสตร์ชาติ เข้าสู่ระยะที่ 3 ตามโรดแมพ

วานนี้(22 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานเปิดงานการประชุมประจำปี 2559 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เรื่อง ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560-2564) โดยมีคณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนเข้าร่วมราว 3,000 คน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯฉบับที่ 12 จะเป็นจุดเริ่มต้นของแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2560

“ต้องการให้แผนฯ 12 เป็นจุดเริ่มต้นของแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเดินหน้าประเทศไทยไปตามเป้าหมายประเทศที่พัฒนา และหลุดพ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางในปี 2579 โดยในช่วง 2 ปีแรกของแผนฯ 12 ต้องการให้มีการวางรากฐานการพัฒนาให้ชัดเจน และเป็นทิศทางให้ทุกรัฐบาลเดินตาม เพื่อให้เกิดการพัฒนาแบบเชื่อมต่อกันให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย และขอให้ทุกกระทรวงไปจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับแผนฯ12 ด้วย”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

หากในปี 2560 จะเป็นช่วงเริ่มต้นของยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาฯฉบับที่ 12 ก็เท่ากับว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแมพของคสช.ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ต้น โดยจะเข้าสู่ระยะที่ 3 แม้ขณะนี้แผนยุทธศาสตร์จะอยู่ระหว่างการจัดทำเพื่อเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าในแผนพัฒนาฯฉบับที่ 12 รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งให้มีความต่อเนื่องและแล้วเสร็จตามแผนที่ได้วางไว้เพื่อสนับสนุนการลงทุนภายในประเทศ และสร้างการเชื่อมโยงระหว่างไทยกับภูมิภาค

ในเดือน ก.ย.นี้กระทรวงคมนาคมจะเสนอโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ 2 เส้นทางได้แก่ นครปฐม – หัวหิน และลพบุรี – ปากน้ำโพให้กับที่ประชุม ครม.พิจารณา ส่วนรถไฟทางคู่ที่เหลืออีก 3 เส้นทางคาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ในปี 2560

ส่วนรถไฟฟ้าในเขต กทม.-ปริมณฑล 3 สายได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู สีส้ม และสีเหลือง อยู่ในขั้นตอนการประกวดราคา ขณะที่อีก 5 สายจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ในเร็วๆนี้

ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกทม.- โคราช ได้ข้อสรุปในการลงทุนแล้วโดยถึงจะเป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับจีน แต่เงื่อนไขคือเราลงทุนเองและใช้แรงงานและวัสดุของไทย ขณะที่รถไฟความเร็วสูง กทม. – เชียงใหม่ ที่เราจะร่วมมือกับญี่ปุ่น มีความคืบหน้าในการเจรจาไปมาก คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2561 – 2562 โดยจะก่อสร้างในช่วง กทม.- พิษณุโลกก่อน

สั่งเตรียมพร้อมรับอุตสาหกรรมใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าด้านการกระจายรายได้ ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการลดความเหลื่อมล้ำ และการสร้างขัดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ซึ่งตอนนี้รัฐบาลมีเป้าหมายการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่เน้นการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมบนพื้นที่กว่า 140,000 ไร่ ให้รองรับอุตสาหกรรมของอนาคต เช่น หุ่นยนต์ การบิน หรือเครื่องมือแพทย์ เพื่อให้ประเทศไทยไปสู่ประเทศไทย 4.0 โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีแนวโน้มจะเข้ามาแทนที่เทคโนโลยีรถยนต์แบบเดิมอย่างรวดเร็ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าได้สั่งการให้มีการเตรียมความพร้อมทุกส่วน รวมทั้งให้เร่งรัดโครงการรถเมล์ที่ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้าโดยจะต้องสามารถนำมาให้บริการประชาชนได้ในปีนี้

ในส่วนของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่ผ่านมาได้หารือกับนายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการ สศช. เพื่อขอให้หาแนวทางการพัฒนาให้คนไทยมีทักษะความสามารถ ทันต่อสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

สศช.ชี้โครงสร้างพื้นฐานปัจจัยสำคัญดันศก.

ด้านนายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ รองเลขาธิการ สศช. กล่าวว่า ในส่วนของยุทธศาสตร์ที่ 7 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ นั้นจะมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการขยายของเมือง ขับเคลื่อนการเติบโตจากภายใน ซึ่งในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ผ่านๆมายังขับเคลื่อนได้ไม่มากเท่าที่ควร จากทั้งปัญหาการไม่ยอมรับของชุมชน ปัญหาการบริหารจัดการแต่ในแผนนี้จะแก้ปัญหาต่างๆที่มีอยู่

สำหรับการพัฒนาในด้านนี้จะแบ่งเป็นการพัฒนาด้านการคมนาคมขนส่ง ที่ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มการขนส่งทางรางให้ได้มากกว่า 4% จากปัจจุบันที่ 2% ของการขนส่งทั้งหมด การขนส่งทางน้ำเพิ่มเป็นมากกว่า 19% จากปัจจุบัน 15% การโดยสารในระบบขนส่งสาธารณะให้เพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบัน 5% ขณะที่การขนส่งทางอากาศในส่วนกลางต้องเพิ่มเป็น 100 ล้านคนต่อปี และส่วนภูมิภาค 42 ล้านคนต่อปี

เร่งสร้างระบบรางเชื่อมกทม.ในรัศมี500กม.

นายชาญวิทย์ กล่าวว่าแนวทางจะไปถึงจุดนั้นได้จะต้องเร่งก่อสร้างรถไฟทางคู่ในแนวเส้นทางรถไฟโดยเฉพาะในส่วนรัศมี 500 กม. จากกทม. พัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงขนาดทางมาตรฐานอย่างน้อย 1 เส้นทางควบคู่ไปกับการพัฒนา พื้นที่ตามแนวเส้นทาง และพัฒนาศูนย์โลจิสติกส์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนรูปแบบ การขนส่งและเดินทาง การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะและสิ่งอำนวยความสะดวก พัฒนาโครงข่ายทางถนน การขนส่งทางอากาศและน้ำ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกิดจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่นอุตสาหกรรมทางราง ซ่อมบำรุงอากาศยาน

ขณะที่แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ นั้นวางเป้าหมายการขนสินค้าเข้า-ออก ด่านการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าปีละ 5% ส่วนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานตั้งเป้าหมายใช้พลังงานทดแทนต่อการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย เพิ่มเป็น 17.34% ลดการใช้ก๊าซชาติลงให้เหลือ 47%จากปัจจุบัน 60%ของการใช้พลังงานทั้งหมด

ด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารนั้น ตลอดแผน 5 ปีนี้จะต้องขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมหมู่บ้านทั่วประเทศให้ได้ 85% ผู้ประกอบการดิจิทัลใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10,000 ราย และ 80% ของหน่วยงานภาครัฐมีระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์รับมือการุกคามทางออนไลน์

“อาคม”ชี้ใช้ม.44เร่งให้ทันตามกรอบเวลา

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในขั้นตอนการเร่งรัดการเจรจาเพื่อคัดเลือกเอกชนเข้ามาบริหารการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และบางซื่อ - ท่าพระ รวมทั้งการเชื่อมต่อ 1 สถานี ช่วงเตาปูน – บางซื่อ โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการให้เกิดความรวดเร็ว และเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด

“ในประกาศกำหนดไว้ชัดแล้วว่าให้อำนาจบอร์ดรฟม.เป็นผู้พิจารณาในเรื่องดังกล่าว หลังจากนี้จึงเป็นหน้าที่ของบอร์ดที่จะต้องกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ให้ชัดเจน"

นายอาคม ยังกล่าวถึงผลการตรวจเยี่ยมโครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้วยว่า ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าไปมากและคาดว่าจะเปิดทดสอบระบบ และเปิดให้ประชาชนทดลองใช้ฟรีระหว่างวันที่ 15 – 17 ส.ค.นี้ ก่อนจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการหลังวันที่ 20 ส.ค.2559 โดยเส้นทางพิเศษดังกล่าวจะมีการจัดเก็บค่าผ่านทางในอัตรา 50 บาท

โครงการดังกล่าวเป็นส่วนต่อขยายโครงข่ายทางพิเศษไปยังฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ มีระยะทางรวม 16.9 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก บริเวณใกล้โรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์)และสิ้นสุดบริเวณย่านบางซื่อ เชื่อมต่อทางพิเศษศรีรัชบริเวณด้านเหนือของสถานีขนส่งหมอชิต 2 และลงสู่ระดับดินที่บริเวณถนนกำแพงเพชร 2