ศาลสั่ง 'ประสงค์-แนวหน้า' ชดใช้ 9 แสนบาท

ศาลสั่ง 'ประสงค์-แนวหน้า' ชดใช้ 9 แสนบาท

ศาลแพ่งพิพากษา "ประสงค์ สุ่นศิริ - แนวหน้า" ร่วมชดใช้ 9 แสนบาท "3 อดีตตุลาการศาลรธน.เสียงข้างมาก" ฟ้องละเมิดเขียนบทความหมิ่นประมาทปี 44

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่นายกระมล ทองธรรมชาติ ,นายผัน จันทรปาน ,นายสมศักดิ์ เตชาชาญ และนายสุจินดา ยงสุนธร อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมากคดีนายทักษิณ ชินวัตร จงใจยื่นบัญชีทรัพยสินเท็จ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-4 ยื่นฟ้อง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์แนวหน้า , นายจิระพงษ์ เต็มเปี่ยม คอลัมนิสต์และบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณานสพ.แนวหน้า,บริษัทหนังสือพิมพ์แนวหน้า จำกัด , นางผานิต พูนศิริวงศ์ ,นายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท เป็นจำเลยที่ 1-5 ความผิดเรื่องละเมิด

โดยขณะโจทก์ทั้งสี่ ดำรงตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมกันเป็นองค์คณะพิจารณาคดี ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า นายทักษิณ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยถือตามเสียงข้างมากของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 8 คนที่มีโจทก์ทั้งสี่รวมอยู่ด้วย ลงมติให้ยกคำร้องของ ป.ป.ช.

ต่อมาจำเลยทั้งสอง ในฐานะลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 3 -5 ซึ่งเป็นนายจ้างหรือตัวการ ได้ตีพิมพ์บทความในหนังสือพิมพ์ของจำเลยที่ 3 -5 ฉบับวันที่ 8 ส.ค.44 ชื่อบทความ“คำวินิจฉัยไร้จิตสำนึก”ในคอลัมน์ “แนวหน้าวิเคราะห์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ พูด” มีเนื้อความในลักษณะโจมตี ให้ร้ายตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 8 คน ซึ่งรวมถึงโจทก์ทั้งสี่ ทำนองว่าวินิจฉัยคดีโดยไม่มีคุณธรรม ตัดสินคดีโดยลำเอียง ที่เป็นการหมิ่นประมาท ทำให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับความเสียหาย จึงขอให้จำเลยทั้งห้า ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่ คนละ 50 ล้านบาท รวมทัังสิ้น 200 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ

โดยนายสุจินดา โจทก์ ได้ขอถอนฟ้องไปก่อน ศาลจึงมีคำสั่งรับฟ้องจำเลยในส่วนเฉพาะโจทก์ที่ 1-3

ที้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าคู่ความ ตกลงท้ากันให้ถือเอาผลคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีอาญาเป็นผลแพ้-ชนะในประเด็นพิพาทว่า จำเลยที่ 1-2 ทำละเมิด ต่อโจทก์ที่ 1-3 หรือไม่เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีอาญาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิด จำเลยทั้งห้าจึงเป็นฝ่ายแพ้ตามที่ตกลงเป็นคำท้าไว้ จึงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1-3 ซึ่งดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นบุคคลที่มีเกียรติคุณและมีชื่อเสียงในทางสังคม

ดังนั้นศาลแพ่ง จึงเห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 1-3 คนละ 300,000 บาท ขณะเกิดเหตุ น.ต.ประสงค์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เขียน มีนายจิระพงษ์ จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการมีหน้าที่รับผิดชอบจัดทำ ตรวจแก้ คัดเลือกบทประพันธ์ลงพิมพ์ จึงเป็นการกระทำให้ทางการที่จ้างซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดด้วย

ส่วนจำเลยที่ 4-5 เป็นเพียงกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 3 ไม่ปรากฏว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบทความดังกล่าว จึงไม่ต้องร่วมรับผิด

ศาลแพ่ง จึงพิพากษาให้ น.ต.ประสงค์ , นายจิระพงษ์ และ บ.นสพ.แนวหน้า จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ที่ 1-3 คนละ 300,000 บาท รวมทั้งหมด 900,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 28 ส.ค44 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ยกฟ้อง กรรมการ บ.นสพ.แนวหน้าจำเลยที่ 4-5

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีอาญานั้น เมื่อวันที่ 16 ก.พ.59 ศาลฎีกา เห็นว่า การเขียนบทความดังกล่าวไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แต่การกระทำของ น.ต.ประสงค์ และ นายจิระพงษ์ จำเลยที่ 1-2 ดังกล่าว เป็นความผิดฐานดูหมิ่นตุลาการฯ แต่จำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงพิพากษาให้รอการกำหนดโทษไว้เป็นเวลา 1 ปี ส่วนจำเลยเหลือให้ยกฟ้อง