เมีย‘ชูวงษ์’ร้อง1ปีคดีไม่คืบ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องชี้แจง
เมีย“ชูวงษ์” ร้องผ่านไป 1 ปี คดีไม่คืบ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องชี้แจง ด้านตร.แจงคดีเสียชีวิตสรุปสำนวนไม่เกิน 1 เดือน
ที่วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ถนนกรุงเกษม แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 10.00 น. นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง พร้อมด้วยนางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาว นายเอนก คำชุ่ม ทนายความ และญาติ ร่วมกันทำบุญและรำลึกถึงนายชูวงษ์ ซึ่งได้เสียชีวิตครบรอบ 1 ปี จากอุบัติเหตุบริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติระหว่างซอย 48-50 เขตประเวศ พร้อมชี้แจงความคืบหน้าในการติดตามหาสาเหตุที่แท้จริงในการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ 6 ข้อ ดังนี้
1.นายชูวงษ์ ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 ซึ่งครบ 1 ปี แต่วันนี้ทั้งคดีการโอนหุ้นและคดีที่พบนายชูวงษ์เสียชีวิตในรถยนต์คันที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นคนขับ ยังอยู่ระหว่างการหาหลักฐาน ซึ่งหากทำให้สังคมและสื่อมวลชนเกิดความสงสัยว่าเหตุใดจึงใช้เวลานานมาก ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุณาเป็นผู้ชี้แจง
2.สำหรับรายละเอียดของคดีที่ปรากฎเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ที่ผ่านมาตลอด 1 ปี กรณีคดีการโอนหุ้นที่มีมูลค่ารวมเกือบ 300 ล้านบาทนั้น ทางครอบครัวคุณชูวงษ์ ได้แจ้งความต่อกองปราบปรามตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2558 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและมีความเห็น สั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 4 คน ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ปลอมเอกสารและใช้เอกสารสิทธิปลอม และศาลอาญากรุงเทพได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวรวม 4 คนคือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ น.ส.ศรีธรา พรหมา น.ส.อรุชาหรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล และน.ส.กัณฐณา ศิวาธนพล เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2558
3.ต่อมามีการส่งสำนวนคดีนี้ให้พนักงานอัยการ สำนักคดีอาญากรุงเทพใต้ แต่พนักงานอัยการฯ ยังไม่ส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เมื่อครบกำหนดฝากขัง ศาลจึงปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พ้นอำนาจศาลไป เมื่อปลายปี 2558 โดยพนักงานอัยการ มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม สอบสวนเพิ่มเติมในหลายเรื่อง หลายประเด็น ซึ่งพนักงานสอบสวนก็สอบสวนเพิ่มเติมตามที่พนักงานอัยการฯ สั่งจนครบทุกประเด็นแล้ว แต่จนบัดนี้พนักงานอัยการก็ยังไม่ได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางศาลแต่อย่างใด
4.สำหรับที่มาของการเสียชีวิตของนายชูวงษ์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น ครอบครัวขอย้ำว่าเนื่องจากญาติและเพื่อน ตลอดจนสังคมยังไม่ได้คำตอบถึงสาเหตุที่แท้จริงที่น่าสงสัยอย่างมากในทุกๆ ประเด็น เพราะคดีที่พบว่านายชูวงษ์เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์คันที่พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นคนขับนั้น เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของสน.อุดมสุข แต่การรวบรวมพยานหลักฐานไม่คืบหน้า และมุ่งเน้นไปในเรื่องนายชูวงษ์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งขัดแย้งกับบาดแผลและการตรวจของแพทย์ซึ่งระบุว่า การเสียชีวิตเกิดจากศรีษะด้านหลังถูกกระแทกด้วยของแข็งไม่มีคมอย่างรุนแรง ทางครอบครัวจึงไปร้องเรียนต่อผบ.ตร.ในครั้งนั้นคือพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งได้สั่งให้โอนคดีไปให้กองปราบปรามดำเนินคดีแทน รวมกับคดีโอนหุ้นที่กองปราบปรามทำอยู่เดิม
5.สำหรับการสอบสวนสืบหาหลักฐานที่ดำเนินการไปแล้วตลอด 1 ปี ครอบครัวและเพื่อนๆ มั่นใจว่ามีความชัดเจนอย่างมาก เช่น เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2558 กองปราบปรามได้จำลองเหตุการณ์เหมือนจริง เพื่อหาสาเหตุการตายปริศนาของนายชูวงษ์ โดยนำหุ่นขนาดเท่าตัวจริงมานั่งในรถ จำลองฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าซ้าย เพื่อวัดแรงกระแทก และใช้รถยนต์เลกซัสของตำรวจสันติบาล ตรวจจับความเร็ว จับระยะเวลาความเร็ว เพื่อตรวจสอบว่าแรงกระแทกระดับไหน ความเร็วระดับไหน จะทำให้ถึงแก่ความตายหรือบาดเจ็บ และกองปราบปรามยังได้รวบรวมหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องรถยนต์ไปครบทุกกรณีแล้ว ครอบครัวจึงเฝ้ารอความคืบหน้าของคดี
6.ทางครอบครัวจึงขอวิงวอนให้พนักงานสอบสวน กองปราบปราม และพนักงานอัยการสำนักคดีอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีทั้ง 2 โปรดเร่งรัดคดีให้คืบหน้าโดยเร็ว เพื่อหาตัวผู้กระทำวามผิดนำตัวมาพิสูจน์ความผิด เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อครอบครัวของนายชูวงษ์ และดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตให้ไปสู่สุคติ
ด้านนายเอนก กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงวันนี้ครบรอบ 1 ปี แต่ว่าครอบครัวพบว่ามีความทุกข์ที่เกิดขึ้นทุกวัน ตลอดเวลา 1 ปี เป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์สิ่งที่เกิดขึ้นกับชื่อเสียงของนายชูวงษ์ ครอบครัวนายชูวงษ์ แม้ในช่วงแรกๆ ข่าวจะออกมาอย่างต่อเนื่องในการติดตามคดีหาข้อเท็จจริง ครอบครัวนายชูวงษ์ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนมากจากการโอนหุ้นทั้งหมดประมาณเกือบ 300 ล้าน และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผลกระทบต่อจิตใจของครอบครัวนายชูวงษ์ ต่อมาก็ได้รับการพิสูจน์จากพนักงานสอบสวนเป็นลำดับ ทางครอบครัวก็พยายามพิสูจน์หาพยานหลักฐานทั้งหมดมาพิสูจน์ถึงการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ซึ่งทางครอบครัวได้พยายามทำทุกอย่างเรื่องกระบวนการยุติธรรม ทางครอบครัวของนายชูวงษ์ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ฯลฯ ที่ได้ดูแลเอาใจใส่คดีนี้มาตลอด พยานหลักฐานที่ได้ทุกคนเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายชูวงษ์มีอะไรที่แอบแฝงอยู่ เรารอเวลาแต่การรอเวลาก็มีขีดจำกัดอย่างน้อยก็ 1 ปีแล้วที่ครอบครัวได้รอเวลา แต่ก็ยังคาดหวังว่ากระบวนการก็ต้องดำเนินต่อไป เชื่อว่าไม่นานจะเข้าสู่กระบวนการทางศาล ยืนยันว่าทุกอย่างที่ทำต้องการทวงความเป็นธรรมให้กับนายชูวงษ์กับครอบครัวนายชูวงษ์
นายเอนก กล่าวอีกว่า กล่าวว่า ขณะนี้ครอบครัวรอการพิสูจน์ เรื่องของเอกสาร ความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนขั้นตอนของพนักงานสอบสวนนั้น ทางพนักงานสอบสวนไม่ลดละความพยายามในการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเอกสาร ซึ่งพนักงานสอบสวนได้หาเส้นทางการเสียชีวิต เริ่มต้นจากสนามกอล์ฟเลควูด เลี้ยวมาทางบางโฉลง ถึงบางนา วิ่งต่อถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนประเวศ แล้วมุ่งหน้าไปถนนเฉลิมพระเกียรติร.9 จนกระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนมีการรวบรวมหลักฐานจากกล้องวงจรปิด สถานที่ต่างๆ และได้พยานหลักฐานเอกสารที่สำคัญ ตนเชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนทุกขั้นตอน ซึ่งในวันนี้เป็น 1 ปี ครบรอบการเสียชีวิตของนายชูวงศ์ ทางครอบครัวคิดว่าการดำเนินคดีต่างๆนั้นมีความล่าช้า แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน ถ้าการดำเนินคดีล่าช้าแล้วทำให้ได้พยานหลักฐานที่สำคัญ จนสามารถจับกุมตัวคนกระทำผิดได้ ทางครอบครัวก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ในขณะนี้ทางครอบครัวรอพนักงานสอบสวนสรุปสำนวน เพื่อปรากฎข้อเท็จจริงในเร็ววัน ซึ่งนับตั้งแต่เดือนส.ค.58 ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้มีคำสั่งฟ้องและส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ ปรากฎว่าอัยการสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นเส้นทางการเงิน และรูปภาพวงจรปิด ตนเชื่อว่าเร็วๆนี้ จะสามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 ต่อศาลได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า 1 ปีที่ผ่านมาได้มีการติดต่อขอเจรจา หรือถูกข่มขู่คุกคามหรือไม่ ด้านนางวันเพ็ญ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามีการพยายามติดต่อผ่านผู้ใหญ่ซึ่งเป็นคนกลางเพื่อขอนัดเจรจา แต่ตนไม่ได้รับนัดเจรจาพูดคุยใดใดทั้งสิ้น ความเสียหายตนไม่ได้เสียดายเรื่องที่สูญเสียเงินไป เพราะว่าสิ่งที่เราสูญเสียไปคือชีวิตคน ซึ่งไม่สามารถตกลงกันได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะสามารถมาไกล่เกลี่ยหรือทดแทนชีวิตคนที่หายไป 1 คนได้ ส่วนเรื่องข่มขู่ถามว่ามีไม่ ตนไม่สามารถระบุได้ว่าใครข่มขู่ ซึ่งการใช้ชีวิตโดยปกติตนก็จะเจอเหตุการณ์แปลกๆ อยู่หลายครั้ง ซึ่งจะต้องระมัดระวังตัวเอง เช่นมีเสียงปืนดัง 6 นัดติดกันข้างบ้าน มีคนคอยตาม มีคนแปลกหน้ามากดกริ่งบ้านพยายามบอกว่ามีข่าวมาเล่า ระยะหลังก็เบาลงเนื่องจากมีการระวังตัวมากขึ้น
ด้านนางวันเพ็ญ กล่าวต่อว่า อยากขอความเห็นใจต่อสื่อมวลชน เวลาพาดหัวข่าว เช่น พริตตี้สาวคนสนิทชูวงษ์ อยากจะบอกว่าทำไมข่าวที่ออกไปฟังจากคนขับรถฝ่ายเดียว ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าพริตตี้คนดังกล่าวเป็นคนสนิทของใคร ผู้ตายก็มาพูดไม่ได้ ในส่วนนี้ทางครอบครัวมีหลักฐานชัดเจน แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งภายหลังจากที่กองปราบรวบรวมหลักฐานและออกหมายจับแล้ว ทุกอย่างจะกระจ่าง ว่าเพื่อนสาวคนสนิทนั้น สนิทกับใครกันแน่ หรือบุคคลใดเป็นคนวางแผนตั้งแต่ต้น หรือบุคคลใดเป็นคนวางแผนเตรียมเพื่อนสาวคนสนิทมาร่วมขบวนการ โดยมีหน้าที่เปิดบัญชีและรับโอนหุ้นไป ซึ่งการโอนหุ้นครั้งแรกวันที่ 8 มิถุนายน 58 ครั้งที่2 วันที่ 22 มิถุนายน 58 และกระจายขายหุ้นแบบไม่มีต้นทุน หากสาวคนดังกล่าวเป็นคนสนิทจริง รับโอนหุ้นแล้ว ทำไมจะต้องรีบขาย โดยเฉพาะหุ้นในล็อตแรกที่ น.ส.อุรุชา หรือ ป้อนข้าว วชิรกุลฑล โอนให้กับมารดาตนเอง และขายทอดตลาด โดยทางครอบครัวอาญัติไม่ทัน
ส่วนหุ้นล็อต2 น.ส.กัณฐณา ศิวาธนพล โอนหุ้นไป เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 58 วันถัดมาได้ทยอยขายหุ้นทันที ต่อมาในวันที่ 26 มิถุนายน ได้เกิดอุบัติเหตุทำให้นายชูวงศ์เสียชีวิต ซึ่งมีการเปิดเงินออกไป 10 ล้านบาท หลังจากนั้นวันที่ 27 มิถุนายน 58 มีการสั่งขายหุ้น มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท ทางครอบครัวสามารถอาญัติจำนวนเงินและหุ้นประมาณ 200 ล้านบาท ในส่วนนี้เป็นประเด็นที่ผู้ต้องหาดิ้นรนเบิกเงินส่วนที่เหลืออยู่ จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาไปขอหมายศาลเพิกถอนอาญัติ แต่ศาลไม่อนุญาต
นางวันเพ็ญ กล่าวอีกว่า เราพยายามรอความยุติธรรมรอกระบวนการทางกฎหมายเมื่อไหร่จะคืนให้เราเสียทีทั้งชื่อเสียง เกียรติยศ ที่คนตายเถียงไม่ได้แล้วปล่อยให้คนเป็นให้ข่าวอยู่ฝ่ายเดียว ครอบครัวเราเป็นชาวบ้านที่เหลือแต่ผู้หญิงและเด็กจะต่อสู้กับผู้ที่มีอิทธิพลได้อย่างไร คดีนี้เรารอมาด้วยความอดทนเป็นเวลา 1 ปีแล้ว
ด้านนางศิริรัตน์ กล่าวว่า ขอวิงวอนพนักงานสอบสวนและอัยการ ช่วยเร่งรัดคดีที่เกิดขึ้น เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับนายชูวงศ์และครอบครัวด้วย
ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวนั้น ทางครอบครัวของนายชูวงศ์ ได้ทำบุญครบรอบวันตาย 1 ปี โดยมีญาติและคนสนิทมาจำนวนมาก
ขณะที่ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. กล่าวว่า ขณะนี้ในส่วนสำนวนการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ จะใช้เวลาในการสรุปสำนวนไม่เกิน 1 เดือน ส่วนคดีการโอนหุ้นขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้สรุปสำนวนพร้อมหลักฐานใหม่ที่พนักงานอัยการมีคำสั่งให้หาเพิ่มไปแล้ว คาดว่าพนักงานอัยการจะใช้เวลาในการพิจารณา 1-2 เดือนนี้







