'แพรวา' ยอมบำเพ็ญประโยชน์ใหม่138ชม.

'แพรวา' ยอมบำเพ็ญประโยชน์ใหม่138ชม.

"อธิบดีกรมคุมประพฤติ" เผย "แพรวา" ยอมรับเข้าใจกระบวนการ-สถานที่การบำเพ็ญประโยชน์ พร้อมขอเริ่มนับกิจกรรมใหม่ให้ครบ 138 ชั่วโมง

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (21 มิ.ย.) ศาลนัดไต่สวนคำร้อง ที่เจ้าพนักงานคุมประพฤติ ขอให้ศาลพิจารณากรณี แพรวา (นามสมมุติ) เยาวชนหญิง จำเลย ผิดเงื่อนไขการคุมประพฤติ ในการบำเพ็ญประโยชน์ คดีขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสาร สายธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-หมอชิต บนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ เมื่อค่ำวันที่ 27 ธ.ค.53 เป็นเหตุให้คนขับรถตู้และผู้โดยสารเสียชีวิต รวม 9 ราย โดยพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติพร้อมด้วยเจ้าพนักงานคุมประพฤติ และเยาวชนหญิง ได้เดินทางมาศาลเพื่อร่วมกระบวนการไต่สวน ที่เป็นการพิจารณาลับ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องพิจารณาคดี

ขณะที่ฝ่ายผู้ร้อง ได้เตรียมเจ้าพนักงานคุมประพฤติ เป็นพยานเข้าไต่สวนรวม 4 ปาก ซึ่งช่วงเช้า ศาลไต่สวนเสร็จเจ้าพนักงานคุมประพฤติ 1 ปาก พร้อมยื่นเอกสารประกอบ กระทั่งเวลา 13.30 น. ศาลได้พักการพิจารณา และเริ่มกระบวนการไต่สวนใหม่อีกครั้งในเวลา 14.00 น.ซึ่งหลังจากผู้ถูกคุมประพฤติได้ฟังคำเบิกความของเจ้าพนักงานคุมประพฤติเกี่ยวกับกฎระเบียบแล้ว จึงแถลงต่อศาลว่า ที่ผ่านมาไม่ได้กระทำตามกฎระเบียบ จึงจะขอทำกิจกรรมบริการสังคมใหม่ให้ครบถ้วน ศาลจึงนัดพร้อมเพื่อฟังผลการทำกิจกรรมของผู้ถูกคุมประพฤติ ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ต่อมาเวลา 15.30 น. เมื่อเสร็จสิ้นการพิจารณา พ.ต.อ.ณรัชต์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายฝ่ายผู้ร้องไม่ได้นำพยานอีก 3 ปากเข้าไต่สวน เนื่องจากฝ่ายเยาวชน ผู้ถูกคุมประพฤติ ได้ยอมรับว่าเข้าใจผิดพลาดต่อกระบวนการและสถานที่ในการบำเพ็ญประโยชน์

โดยเมื่อตรวจสอบกิจกรรมบริการสังคม ตามที่ศาลกำหนดให้ผู้ถูกคุมประพฤติ ต้องทำงานดูแลช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุทางบก เป็นเวลา 3 ปีด้วยการบำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 48 ชั่วโมงต่อปี รวมเป็นเวลา 144 ชั่วโมง ซึ่งผู้ถูกคุมประพฤติได้ทำการบริจาคโลหิตเป็นเวลา 6 ชั่วโมงตรงตามเกณฑ์แล้ว แต่ส่วนที่เหลืออีก 138 ชั่วโมง ผู้ถูกคุมประพฤติระบุว่าได้ทำการบำเพ็ญประโยชน์ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเป็นเวลา 90 ชั่วโมงแล้วโดยเหลือเวลาบำเพ็ญประโยชน์อีก 48 ชั่วโมงนั้น ปรากฏว่าขณะที่ได้ทำการบำเพ็ญประโยชน์นั้นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ายังไม่ใช่ภาคีกับกรมคุมประพฤติ ประเด็นนี้ผู้ถูกคุมประพฤติ ได้ยอมรับว่าเข้าใจผิดพลาดไปในกระบวนการดังกล่าว และยอมที่จะทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ใหม่รวมกับเวลาที่เหลือทั้งสิ้น 138 ชั่วโมง จึงได้มีการเจรจาและทำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับสถานที่ไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้

พ.ต.อ.ณรัชต์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวอีกว่า ขณะที่ในเดือนส.ค.ซึ่งจะครบกำหนดการคุมประพฤติและทำกิจกรรมบริการสังคม ศาลจึงมีคำสั่งนัดพร้อมคู่ความเพื่อฟังผลดำเนินการตามเงื่อนไขของการคุมประพฤติดังกล่าวในวันที่ 23 ส.ค.นี้ หากผู้ถูกคุมประพฤติได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างครบถ้วน ในวันดังกล่าวศาลอาจจะมีคำสั่งว่าผู้ถูกคุมประพฤตินั้นพ้นจากการคุมประพฤติแล้ว แต่สวนที่ศาลเคยมีคำพิพากษาห้ามผู้ถูกคุมประพฤติขับรถจนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์นั้นก็ยังต้องปฏิบัติต่อไป

ส่วนที่ผู้ถูกคุมประพฤติเคยร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานคุมประพฤตินั้น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้ว เมื่อขณะนี้ผู้ถูกคุมประพฤติยอมรับว่าเข้าใจผิดพลาดในกระบวนการทำกิจกรรมบริการสังคมระหว่างคุมประพฤติ