เปิดเส้นทางข้อสอบ 'โอเน็ต' ก่อนถึงมือเด็ก

เปิดเส้นทางข้อสอบ "โอเน็ต" ก่อนถึงมือเด็ก กับปัญหาผิดพลาดซ้ำซากของ "สทศ."
“เปิดปุ๊บ...ก็ผิดปั๊บ” กันเลยทีเดียว กับครั้งแรกของการเปิดเผย“ข้อสอบการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ซึ่งจัดโดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือ สทศ.องค์กรอิสระหนึ่งเดียวที่ดูแลการทดสอบระดับชาติ แต่ทุกครั้งที่จัดสอบ ไม่เคยปรากฏว่าไม่มีครั้งไหนที่ สทศ. จะออกข้อสอบไม่ผิดพลาด เรียกว่า ออกมาตลอด 12 ปี ก็ผิดมาตลอด
ล่าสุด“อ.ปิง ดาว้องก์หรือ อ.ปิง เจริญศิริวัฒน์” ติวเตอร์ชื่อดังที่สอนวิชาภาษาไทยและสังคมได้ออกมาชำแหละข้อสอบ พร้อมเฉลยเผยแพร่คลิปวิดีโอสดFacebook Liveผ่านเฟซบุ๊กDavance FCตอกย้ำความผิดพลาดของข้อสอบ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโอเน็ต ม.6 โดยเดิม สทศ.ประกาศว่ามีข้อผิดพลาดเพียง 1 ข้อแต่เมื่อมาวิเคราะห์ข้อต่อข้อ...ชี้ชัดผิดเพิ่มอีก5 ข้อ กำกวมอีกเพียบ กระตุ้นต่อมสงสัย วิตกกังวลในสังคม โดยเฉพาะนักเรียนชั้นม.6 ที่ใจคงตุ่มๆ ต่อมๆ เพราะโอเน็ต เป็นหนึ่งในสัดส่วนที่ต้องนำไปคิดเป็นคะแนนการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ด้วยระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา หรือแอดมิชชั่นส์ ประจำปีการศึกษา 2559
หนึ่งคะแนนพลิกชีวิต เลือกเส้นทางฝันได้ดั่งใจ…ครั้งที่ สทศ.ออกมายอมรับว่าข้อสอบโอเน็ตผิดจำนวน1ข้อ ส่งผลให้มีผู้เข้าสอบได้คะแนนเปลี่ยนไป โดยจากจำนวนผู้มีสิทธิ์สอบ423,519คน มีผู้ที่ได้คะแนนเพิ่มขึ้น จำนวน135,514คน ได้คะแนนลดลง131,292คน และคะแนนคงเดิม156,713คน ซึ่งหากมีข้อสอบผิดเพิ่ม ทั้งที่ประกาศผลแอดมิชชั่นส์เสร็จสิ้นแล้ว คงต้องล้มกระดานผลแอดมิชชั่นส์ปีนี้กันเลยทีเดียว (หวังว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น)
เมื่อข้อสอบผิดพลาด สิ่งหนึ่งที่ทำได้คงต้องย้อนกลับไปดูกระบวนการออกข้อสอบ ว่าเป็นเพราะเหตุใด..? สทศ. จัดระบบแบบใด?ทำไมถึงได้มีผิดซ้ำผิดซากขนาดนี้.....
รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษา แม่ทัพใหญ่ที่ดูแลระบบการจัดสอบ เปิดเผยถึงกระบวนการออกข้อสอบ ว่าข้อสอบของสทศ. ต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพให้มีความสอดคล้องกับหลักสูตร มีการพิจารณาระดับความยากง่ายของข้อสอบ เพราะการจัดทำแบบทดสอบเป็นการวัดผลทางการศึกษาระดับชาติ วัดและประเมินความรู้รวบยอดตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในหลักสูตร โดยข้อสอบแต่ละฉบับจะมีความยาก25%ปานกลาง 50%และง่าย 25%
“การสร้างข้อสอบจะต้องไม่เกินหลักสูตรที่นักเรียนศึกษาในสถานศึกษา เพราะการออกข้อสอบตามหลักสูตรจะเชื่อมโยง สะท้อนถึงคุณภาพผู้เรียน สาระและมาตรฐานการเรียนรู้โดยดำเนินการสร้างข้อสอบตามผังการทำแบบทดสอบ (Test Blueprint) เป็นไปตามหลักวิชาวัดและประเมินผลและมาตรฐานสากล สทศ. ได้กำหนดรูปแบบบัตรข้อสอบ (ltem Card) ที่สามารถตรวจสอบความตรงของข้อสอบและความยากง่ายของข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมีเกณฑ์การประเมินข้อสอบมีดังนี้ 1. ข้อสอบวัดตรงตามคุณภาพผู้เรียนในสาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางและตรงตามระดับการคิด/พฤติกรรมที่ต้องการวัด 2.สถานการณ์/โจทย์เป็นสถานการณ์ชีวิตจริง 3.คำถามและคำตอบมีความเป็นปรนัย4.ตัวเลือกมีความเป็นเอกพันธ์และเหมาะสม และ5.ข้อสอบไม่มีความลำเอียงและตรงตามltem Specification”
การพัฒนาแบบทดสอบ มี 3 ขั้นตอน คือ จัดทำTest Blueprintโดยในขั้นตอนนี้ จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรประชุม เพื่อวิเคราะห์หลักสูตร (ศึกษาแก่นและกรอบของความรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้งหมด ตามโครงสร้างในหลักสูตร) จัดทำร่างTest Blueprintประกอบด้วยสาระ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น หัวข้อเนื้อหา ระดับชั้นพฤติกรรมเช่น ความรู้ ความจำ เข้าใจ นำไปใช้วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า
ขณะเดียวกัน จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรสร้างตัวชี้วัดพฤติกรรม วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น เพิ่มสร้างตัวชี้วัดพฤติกรรมสำหรับการวัดและประเมินผลของแต่ละมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น และมีผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและผู้กลั่นกรอบข้อสอบระดับที่ 1 ร่วมกันพิจารณาและปรับปรัง แก้ไขเพื่อให้ตัวชี้วัดพฤติกรรมและน้ำหนักเนื้อหาเหมาะสมกับหลักสูตรที่ครูสอน
ต่อมากระบวนการออกข้อสอบตามTest Blueprintจะมีการเชิญครูทุกสังกัดมาออกข้อสอบ สร้างและกลั่นกรองข้อสอบที่ครูเขียน สร้างข้อสอบตามมาตรฐานการเรียนรู้ กลั่นกรองข้อสอบระดับที่ 1(ข้อสอบที่ออกต้องตรงตามที่ต้องการวัด ออกตามวัตถุประสงค์ในการวัดและต้องมีระดับความยาก-ง่ายตามกำหนด) และกลั่นกรองข้อสอบระดับที่ 2 ด้านเนื้อหา พิจารณาความถูกต้องของเนื้อหาและเฉลยถูกต้องหรือไม่ ตลอดจนปรับแก้ข้อสอบให้ดีขึ้น ด้านภาษาและการสื่อสาร ตรวจสอบความถูกต้องชัดเจนของภาษา มาถึงขั้นตอนสุดท้าย การพิมพ์ต้นฉบับ ก่อนพิมพ์มีการกลั่นกรองข้อสอบ ระดับที่ 2 ตรวจสอบความถูกต้องของต้นฉบับและทำเฉลย
“การสอบโอเน็ตครั้งนี้ สทศ.ยืนยันตามที่ได้รายงานไปยังพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ว่ามีข้อสอบโอเน็ตผิดพลาดเพียงข้อเดียว และไม่มีเพิ่มเติมอีกแล้ว ส่วนรายละเอียดว่าข้อไหนผิดข้อไหนถูกก็คงไม่ข้อพูดเพิ่มเติม เพราะเชื่อมั่นในระบบที่วางไว้ เนื่องจากระบบการจัดทำข้อสอบของสทศ.นั้น มีการวางระบบเป็นขั้นตอนอย่างชัดเจน ทั้งคณะผู้ออกข้อสอบ ผู้ตรวจข้อสอบ ขั้นตอนการตรวจข้อสอบ และทุกขั้นตอนล้วนมีผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละด้าน แต่ในส่วนการผู้ออกข้อสอบและผู้ตรวจข้อสอบนั้น อาจจะเป็นคนละคนแต่ทุกคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีเกณฑ์ในการออกข้อสอบ ตรวจสอบ ดังนั้น สทศ. ไม่ขอชี้แจงอะไรมากกว่านี้ หรือลงรายละเอียดว่าข้อใดผิดข้อใดถูก แต่ขอให้เชื่อมั่นในระบบการออกข้อสอบของสทศ.”
กระบวนการออกข้อสอบของ “สทศ.” นั้น “รศ.ดร.สัมพันธ์” นั่งยันนอนยันว่ามีระบบ ขั้นตอนชัดเจน ขณะเดียวกันบุคลากรด้านการทดสอบ โดยผู้ออกข้อสอบจะเป็นครู(โรงเรียน) ผู้พัฒนาข้อสอบจะเป็นครูของครู(มหาวิทยาลัย) และผู้กลั่นกรองข้อสอบจะเป็นครูของครูของครู(มหาวิทยาลัย)
อย่างไรก็ตาม แต่ละระบบต่างมีช่องโหว่ และปัญหาที่ต้องปรับปรุงแก้ไข ตอนนี้แม้ “รมว.ศึกษาธิการ” ออกมาชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และถ้าจะโทษก็ขอให้มาโทษรัฐมนตรีเอง เพราะถือเป็นคนสั่งให้สทศ.เปิดข้อสอบและเฉลยคำตอบ แต่สังคมก็ยังมีคำถามกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง อย่าง รศ.ดร.สัมพันธ์ ผอ.สทศ.ควรออกมาทำความเข้าใจ สร้างความชัดเจนแก่สังคมมากกว่านี้หรือไม่อย่างไร เพราะนี่ไม่ใช้ครั้งแรกที่“ข้อสอบ” ที่บอกว่าเป็นแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติผิดพลาดทำให้หลายคนสงสัยว่า ทำไมปัญหาเดิมๆก็ยังเกิดขึ้น และทำไมถึงยังแก้ไขไม่ได้







