แฉกลโกงทุจริตสอบแพทย์ม.รังสิต

แฉกลโกงทุจริตสอบแพทย์ ม.รังสิต "ติวเตอร์" ส่งสปายติดกล้องล้วงตับ
การทุจริตสอบในกลุ่มนักเรียนนักศึกษามีให้เห็นมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งวิธีการมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การจดคำตอบตามร่างกาย ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาเอื้ออำนวยในการทุจริต ซึ่งวิธีการเช่นนี้มักทำกันเป็นขบวนการใหญ่ อย่างกรณีล่าสุดเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งจำเป็นต้องประกาศยกเลิกการสอบคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อวิทยาลัยแพทยศาตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และเภสัชศาสตร์ (รอบที่ 2) หลังมีการตรวจพบผู้ต้องสงสัยจำนวน 3 ราย ที่มีพฤติการเข้าไปในห้องสอบ 505 ตึก 11 ซึ่งมหาวิทยาลัยรังสิตกำหนดให้เป็นสถานที่สอบเพื่อคัดเลือกนักศึกษาเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และเภสัชกรรมศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา แล้วใช้กล้องแว่นตาถ่ายภาพข้อสอบ และก่อนหน้านั้น 1 วัน เจ้าหน้าที่ผู้คุมสอบพบผู้เข้าสอบจำนวน 3 คน สวมนาฬิกาสมาร์ทวอช ที่ใช้ในการรับข้อความที่เป็นการเฉลยข้อสอบ
ผู้ต้องสงสัย 3 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่คุมสอบพบและยึดกล้องแว่นตาได้นั้น เมื่อตรวจสอบพบว่ามีการบันทึกภาพข้อสอบวิชาฟิสิกส์ เป็นไฟล์วีดีโอ และเมื่อสอบถามก็ยอมรับว่าเป็นนักศึกษาของสถานการศึกษาแห่งหนึ่งย่านบางเขน รับจ้างจากสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ย่านพหลโยธิน และมีสาขาอยู่ในย่านรังสิต รายละ 6,000 บาท แลกกับการสวมกล้องแว่นตาเข้าไปในห้องสอบเพื่อถ่ายภาพข้อสอบมาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ของสถาบันกวดวิชาแห่งนี้เพื่อนำไปเฉลยข้อสอบแล้วส่งคำตอบเป็นข้อความเอสเอ็มเอสไปยังนาฬิกาสมาร์ทวอช ที่ผู้เข้าสอบซึ่งเป็นลูกค้าของสถาบันกวดวิชาดูคำเฉลยของข้อสอบ
ผศ.ดร.นเรฏฐ์ พันธราธร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้มีการทำงานกันเป็นขบวนการ โดยมีการจัดหาผู้รับจ้างสมัครสอบเข้ามา เมื่อถึงเวลาสอบจะเข้าห้องสอบ โดยสวมแว่นตาที่มีกล้องถ่ายภาพวีดีโอติดตั้งอยู่ เรียกว่ากล้องแว่นตา เข้ามาบันทึกภาพข้อสอบทุกหน้า หลังจากนั้นจะนั่งในห้องสอบ 45 นาทีตามข้อกำหนดของมหาวิทยาลัย และทันทีที่ครอบเวลากำหนดจะออกจากห้องสอบทันที แล้วเอากล้องแว่นตานี้ไปส่งมอบให้กับคนของสถาบันกวดวิชาเพื่อดึงข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ ส่งไฟล์วีดีโอไปให้กับผู้ที่ทำหน้าที่เฉลยข้อสอบซึ่งมีไม่น้อยกว่า 10 คน ช่วยกันเฉลย เมื่อเสร็จแล้วจึงส่งคำตอบในรูปแบบข้อความเอสเอ็มเอสไปยังนาฬิกาสมาร์ทวอช ที่ผู้เข้าสอบซึ่งเป็นลูกค้าของสถาบันกวดวิชาแห่งนี้
การสอบถามผู้เข้าสอบจำนวน 3 คน ที่พบการกระทำผิดทุจริตสอบเมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม ซึ่งตรวจพบนาฬิกาสมาร์ทวอช ที่มีคำเฉลยข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ปรากฏอยู่ก็ยอมรับว่าจ่ายเงินให้กับสถาบันกวดวิชากว่า 50,000 บาท แลกกับนาฬิกาสมาร์ทวอชที่ใช้รับคำตอบจากการเฉลยข้อสอบของทีมงาน และหากสอบผ่านจะต้องจ่ายเงินเพิ่มให้กับสถาบันกวดวิชาอีกราว 800,000 บาท
“มีข้อมูลแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับสถานบันกวดวิชา ซึ่งยืนยันว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้ครบถ้วน เพื่อฟ้องร้องเอาผิดกับสถาบันกวดวิชาแห่งนี้ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรง” ผศ.ดร.นเรฏฐ์ กล่าว
การตรวจสอบของมหาวิทยาลัยรังสิตพบด้วยว่า สถาบันกวดวิชา ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบในครั้งนี้ มีการเข้าไปใช้พื้นที่ในละแวกหมู่บ้านเมืองเอก ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรังสิต โฆษณาชักชวนให้ผู้ที่สนใจเข้าสอบเพื่อศึกษาต่อด้านการแพทย์ในมหาวิทยาลัยรังสิต เข้าติวเข้มก่อนเข้าสอบอยู่ 2-3 แห่ง แต่เป็นที่รู้กันในย่านนั้นว่ามีอยู่แห่งหนึ่งที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบ ซึ่งผู้บริหารมหาวิทยาลัยรังสิตอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิด
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการทุจริตการสอบครั้งนี้พบว่ามีจำหน่ายในตลาดสินค้าไอทีทั่วไปทั้งในห้างสรรพสินค้า แหล่งการค้าสินค้าไอทีในตลาดล่างอย่างคลองถม บ้านหม้อ หรือย่านวรจักร รวมถึงในตลาดออนไลน์ เว็บไซด์จำหน่ายสินค้าไอทีต่างๆ โดยกล้องแว่นตา ถูกจัดให้เป็นสินค้าในหมวดกล้องถ่ายภาพในกลุ่มนักสืบ หรือที่เรียกว่า กล้องสปาย หรือกล้องสายลับ ซึ่งกล้องชนิดนี้มีการผลิตในหลายรูปแบบเพื่อง่ายต่อการอำพราง เช่น ปากกา กระดุม รีโมท แบตเตอรี่สำรอง ไฟเช็ก และนาฬิกา มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ซึ่งนิยมใช้ในกลุ่มผู้ทำงานด้านสืบสวน
ผู้จำหน่ายกล้องสายลับ ให้ข้อมูลว่า กล้องสปายหรือกล้องแอบถ่ายที่ติดตั้งในรูปแบบนาฬิกา ปากกา ไฟแช็ก กระดุม แว่นตา หรือแม้กระทั่งแบตเตอรี่สำรอง เหมาะกับการทำงานด้านการสืบสวนหรือกรณีของนักสืบ ใช้งานได้ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง เช่นห้องประชุม งานสำรวจราคางานเจรจาต่อรองธุรกิจ มีภาพคมชัด เพราะใช้เลนส์คุณภาพสูง ทำให้ภาพออกมาสีสดใส ขณะที่แบตเตอรี่่ในตัวเครื่องสามารถบันทึกภาพวีดีโอได้นาน 60 นาทีรองรับเมมโมรี่ชนิดไมโครเอสดี หากมีประกันราคาประมาณเครื่องละ 2,000-3,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่น ยี่ห้อและรูปแบบของกล้องที่ติดตั้งในอุปกรณ์ชนิดต่างๆ มีขายทั่วไปตามร้านขายอุปกรร์อิเลคทรอนิกส์โดยเฉพาะตลาดคลองถม บ้านหม้อ วรจักร ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากจีน ผู้ที่นิยมซื้อส่วนมากนำไปใช้ในงานวิจัยหรือติดตั้งเพื่อดูพฤติกรรมของพนักงาน การให้บริการลูกค้า และอีกกลุ่มที่นิยมซื้อใช้คือ งานสายสืบของตำรวจ กล้องชนิดนี้ บางประเทศถือว่าผิดกฎหมาย แต่ในไทยขึ้นอยู่กับพฤติการณ์การนำไปใช้งาน
สำหรับกล้องแว่นตาที่มีการนำไปใช้ในการทุจริตสอบที่มหาวิทยาลัยรังสิตครั้งนี้ ถูกระบุว่า เป็นกล้องรุ่น Camera Eyewear V13 เป็นรุ่นที่นิยมกันมาก เพราะมีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับแว่นตาของจริง มีช่องสำหรับใส่ไมโครเอสดีการ์ด มีปุ่มสำหรับกดถ่ายและแบตเตอรี่ที่รองรับการใช้งานอย่างต่อเนื่องได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง ระยะหวังผลอยู่ที่ 30-40 เซนติเมตร มีความคมชัดพอสมควร โดยกล้องจะอยู่ทางด้านซ้ายของอุปกรณ์และมีปุ่มสำหรับเปิดทำงานและกดถ่าย ส่วนแบตเตอร์รี่จะอยู่ทางขาขวา มีการเดินสายไฟจากแบตเตอร์รี่ทางด้านขาขวาของแว่นไปสู่แผงวงจรที่อยู่ทางขาซ้าย กล้องในลักษณะนี้จะไม่สามารถเผยแพร่ภาพสดได้ แต่จะสามารถถ่ายเป็นวีดีโอพร้อมเสียง







